สถานะ : ปิดรับฟังความคิดเห็น รายงานผลการรับฟังความคิดเห็น
ร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. ....
ประเภทร่าง เสนอโดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เป็นร่างการเงิน
เสนอโดย รองศาสตราจารย์ สุรวาท ทองบุ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกับคณะ
ข้อมูลประกอบการพิจารณา

โดยที่มาตรา 258 จ. ด้านการศึกษา (4) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยบัญญัติให้มีการปรับปรุงการจัดการเรียนการสอนทุกระดับเพื่อให้ผู้เรียนสามารถเรียนได้ตามความถนัดและปรับปรุงโครงสร้างของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าว โดยสอดคล้องกันทั้งในระดับชาติและระดับพื้นที่ ประกอบกับพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2546 ได้ใช้บังคับมาเป็นเวลานานจึงมีบทบัญญัติไม่สอดคล้องกับสภาพการณ์ในปัจจุบัน สมควรปรับปรุงโครงสร้างของส่วนราชการและหน่วยงานการศึกษาให้ครอบคลุมภารกิจ ผลิตและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ที่ตอบสนองความต้องการของชาติและของโลก เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของภาครัฐที่มุ่งผลสัมฤทธิ์ต่อภาคประชาชนและภาคเศรษฐกิจ ดังนั้น เพื่อให้กระทรวงศึกษาธิการมีเอกภาพที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้นมีอิสระในการปฏิบัติงาน บริหารจัดการตามภารกิจเฉพาะให้เกิดความคล่องตัว กระจายอํานาจ ภารกิจงานไม่ซ้ำซ้อน ทันสมัย ทันต่อการเปลี่ยนแปลง อีกทั้งยังรองรับความเจริญก้าวหน้าของสังคมและโลกในปัจจุบัน ลดสายงานบังคับบัญชาของหน่วยงานทางการศึกษา การจัดสรรและแบ่งปันทรัพยากรทางการศึกษาถึงผู้เรียนที่เร็วขึ้นและลดขั้นตอนให้สั้นลง ส่งเสริมความเป็นเอกภาพในส่วนราชการระดับกระทรวงศึกษาธิการที่ร่วมรับผิดชอบต่อผลการจัดการศึกษาทั้งในระดับชาติ ระดับภูมิภาค และระดับท้องถิ่น รวมทั้งเอื้อให้สถานศึกษาได้มีพลังขับเคลื่อนที่มากขึ้น ใช้หลักความรับผิดชอบร่วมกันต่อคุณภาพการศึกษาในองค์รวม มีความอิสระในการบริหารจัดการ ซึ่งจะส่งผลต่อการพัฒนาคุณภาพ ผู้เรียนให้เป็นพลเมืองและพลโลกที่มีคุณภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น รวมทั้งสอดคล้องกับการ เปลี่ยนแปลงของโลกในศตวรรษที่ 21 ส่งผลให้กระทรวงศึกษาธิการเป็นหน่วยงานที่ทรงพลังในการจัดการศึกษาของชาติอย่างแท้จริง จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้

ประเด็นประกอบการพิจารณา

          1) กำหนดให้ยกเลิกกฎหมายดังต่อไปนี้ (ร่างมาตรา 3)

                    - พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2556

                    - พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2553

                    - พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2562

                    - คําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 8/2559 เรื่อง การบริหารจัดการรวม สถานศึกษาอาชีวศึกษาภาครัฐและภาคเอกชน ลงวันที่ 12 กุมภาพันธ์ พุทธศักราช 2559

                    - คําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 19/2560 เรื่อง การปฏิรูปการศึกษา ในภูมิภาคของกระทรวงศึกษาธิการ ลงวันที่ 3 เมษายน พุทธศักราช 2560

                    - พระราชบัญญัติการอาชีวศึกษา พ.ศ. 2551 ในส่วนที่ 3 สภาสถาบันและผู้บริหาร สถาบัน ส่วนที่ 4 ตําแหน่งทางวิชาการ และส่วนที่ 5 ปริญญาและเครื่องหมายวิทยฐานะ

          2) มีการกำหนดบทนิยาม (ร่างมาตรา 4) โดยมีการกำหนดความหมายของสํานักงานรัฐมนตรี หน่วยงานการศึกษาระดับจังหวัด สภาการศึกษาจังหวัด  สํานักงานศึกษาธิการจังหวัด สถานศึกษาของรัฐที่ไม่เป็นนิติบุคคล  สถานศึกษาของรัฐที่เป็นนิติบุคคล คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานของรัฐที่ไม่เป็นนิติบุคคล คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานของรัฐที่ไม่เป็นนิติบุคคล เป็นต้น

          3) มีการกำหนดการจัดระเบียบบริหารราชการในส่วนกลาง โดยแบ่งออกเป็น สำนักงานปลัดกระทรวง และส่วนราชการที่มีหัวหน้าส่วนราชการขึ้นตรงต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กำหนดให้หน่วยงานในกระทรวงศึกษาธิการมีฐานะเป็นนิติบุคคลในกำกับของกระทรวงศึกษาธิการ และกำหนดให้คณะกรรมการต่างๆ
มีหน้าที่และอำนาจดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนด (ร่างมาตรา 9 - 21)

          4) กำหนดอำนาจหน้าที่และของปลัดกระทรวงศึกษาธิการ หน้าที่และอำนาจของสำนักงานปลัดกระทรวง การแบ่งส่วนราชการในสำนักปลัดกระทรวง และกำหนดให้มีคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย คณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชนในสำนักงานปลัดกระทรวงมีหน้าที่และอำนาจดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนด (ร่างมาตรา 25 - 30)

          5) กำหนดให้มีคณะกรรมการสภาการศึกษาจังหวัดทุกจังหวัด มีหน้าที่และอำนาจตามที่กฎหมายกำหนด และให้สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดเป็นสำนักงานเลขานุการสภาการศึกษาจังหวัด (ร่างมาตรา 31 - 32)

          6) กำหนดให้มีการจัดระเบียบราชการในสำนักงาน โดยสํานักงานคณะกรรมการนโยบายการศึกษาแห่งชาติ สํานักงานคณะกรรมการข้าราชการครู สํานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และสํานักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาที่มีหัวหน้าส่วนราชการขึ้นตรงต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ อาจแบ่งส่วนราชการภายในสํานักงานเพิ่มเติมรวมทั้งกําหนดหน้าที่และอํานาจของเลขาธิการซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของสํานักงาน และให้
สํานักอํานวยการมีหน้าที่และอํานาจเกี่ยวกับราชการทั่วไปของสํานักงานและราชการที่มิได้แยกให้เป็นหน้าที่ของสํานักงานหรือส่วนราชการใดโดยเฉพาะ และให้สํานักบริหารงานเป็นส่วนราชการของสํานักงานทําหน้าที่เป็นหน่วยบริหารงานทั่วไปของคณะกรรมการที่ทําหน้าที่กําหนดนโยบายหรือประสานงานหรือบริหารงานบุคคล (ร่างมาตรา 33 - 36)

          7) กำหนดให้มีคณะกรรมการประสานส่งเสริมการประถมศึกษา คณะกรรมการประสานส่งเสริมการมัธยมศึกษา คณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาพิเศษ ในสำนักงานคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐาน และคณะกรรมการส่งเสริมการอาชีวศึกษาเอกชน ในสำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษา มีหน้าที่และอำนาจตามที่กฎหมายกำหนด
(ร่างมาตรา 37 - 39)

          8) กำหนดให้มีการจัดระเบียบบริหารราชการในส่วนจังหวัด โดยแบ่งออกเป็น สำนักงานศึกษาธิการจังหวัด สำนักงานระดับจังหวัดที่มีหัวหน้าหน่วยงานที่ขึ้นตรงต่อหัวหน้าส่วนราชการ (ร่างมาตรา 41)

          9) กำหนดให้มีสำนักงานศึกษาธิการจังหวัด มีหน้าที่และอำนาจตามที่กฎหมายกำหนด (ร่างมาตรา 42 - 43)

            10) กำหนดให้มีสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัด สำนักงานศึกษาเอกชนจังหวัด สังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ และกำหนดให้มีสถาบันอาชีวศึกษาประจำจังหวัดหรือกลุ่มจังหวัด สำนักงานส่งเสริมอาชีวศึกษาเอกชนจังหวัด สังกัดสำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษา (ร่างมาตรา 44 - 47)

            11) กำหนดให้มีคณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษาในแต่ละเขตพื้นที่การศึกษามีอำนาจตามที่กฎหมายกำหนด (ร่างมาตรา 49)

            12) กำหนดให้มีการจัดระเบียบบริหารราชการในสถานศึกษา โดยแบ่งออกเป็น สถานศึกษาขั้นพื้นฐาน สถานศึกษาอาชีวศึกษา การจัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย โดยมีโครงสร้าง ภาระหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนด (ร่างมาตรา 51 - 66)

ผู้ที่เกี่ยวข้อง

  1. กระทรวงศึกษาธิการ
  2. ปลัดกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
  3. ปลัดกระทรวงกลาโหม
  4. ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
  5. ปลัดกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
  6. ปลัดกระทรวงมหาดไทย
  7. ปลัดกระทรวงแรงงาน
  8. ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม
  9. ปลัดกระทรวงสาธารณสุข
  10. ปลัดกระทรวงการคลัง
  11. สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา
  12. สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
  13. สำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษา
  14. สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
  15. สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
  16. สำนักงบประมาณ
  17. สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย
  18. สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน
  19. สำนักงานศึกษาธิการจังหวัด
  20. สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา
  21. ประชาชนทั่วไป
  22. ผู้ว่าราชการจังหวัด
  23. นักเรียน นักศึกษา

ประเด็นเพื่อรับฟังความคิดเห็น

  1.  ท่านเห็นด้วยหรือไม่กับการแบ่งส่วนราชการในส่วนกลางของกระทรวงศึกษาธิการโดยมีการเปลี่ยนผ่านจากสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา ไปสู่การเป็นสำนักงานคณะกรรมการนโยบายการศึกษาแห่งชาติ
  2.  ท่านเห็นด้วยกับโครงสร้าง หน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการนโยบายการศึกษาแห่งชาติ หรือไม่ อย่างไร (ร่างมาตรา 15 - 16)
  3.  ท่านเห็นด้วยกับการกำหนดให้มีคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน และอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการดังกล่าวหรือไม่อย่างไร (ร่างมาตรา 30)
  4.  ท่านเห็นด้วยกับการกำหนดให้มีโครงสร้างคณะกรรมการสภาการศึกษาจังหวัดทุกจังหวัด และหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการดังกล่าวหรือไม่อย่างไร (ร่างมาตรา 31 - 32)
  5.  ท่านเห็นด้วยหรือไม่กำหนดให้มีสำนักงานศึกษาธิการจังหวัด และหน้าที่และอำนาจตามที่กฎหมายกำหนด (ร่างมาตรา 42 - 43)
  6.  ท่านเห็นด้วยหรือไม่ที่กำหนดให้มีสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัด สำนักงานศึกษาเอกชนจังหวัด สังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ และกำหนดให้มีสถาบันอาชีวศึกษาประจำจังหวัดหรือกลุ่มจังหวัด สำนักงานส่งเสริมอาชีวศึกษาเอกชนจังหวัด สังกัดสำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษา (ร่างมาตรา 44 - 47)
  7. ท่านเห็นด้วยกับโครงสร้างคณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษา และหน้าที่อำนาจของคณะกรรมการดังกล่าวในการพิจารณา จัดตั้ง ยุบ รวม หรือเลิกสถานศึกษาในเขตพื้นที่การศึกษาของรัฐที่ไม่เป็นนิติบุคคลหรือไม่ (ร่างมาตรา 49 - 50)
  8. ท่านเห็นด้วยกับโครงสร้างการจัดระเบียบบริหารราชการในสถานศึกษาขั้นพื้นฐานหรือไม่อย่างไร(ร่างมาตรา 51 - 59)
  9. ท่านเห็นด้วยกับโครงสร้างการจัดระเบียบบริหารราชการในสถานศึกษาอาชีวศึกษาหรือไม่อย่างไร(ร่างมาตรา 60 – 63)
  10. ท่านเห็นด้วยกับโครงสร้างการจัดการจัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยหรือไม่อย่างไร(ร่างมาตรา 64 – 66)