การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ได้ส่งผลกระทบในวงกว้าง และมีแนวโน้มรุนแรงมากยิ่งขึ้น จึงจำเป็นต้องมีมาตรการในการให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติมแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจอย่างเร่งด่วน
เพื่อป้องกันมิให้ภาคธุรกิจที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศและเป็นแหล่งจ้างงานที่สำคัญของระบบเศรษฐกิจเกิดสภาวะการขาดสภาพคล่องหรือผิดนัดชำระหนี้และอาจส่งผลกับฐานะทางการเงินและการทำหน้าที่ด้านสินเชื่อของสถาบันการเงินได้ แต่อย่างไรก็ตาม ผลกระทบที่เกิดขึ้นจะต้องใช้ระยะเวลานานในการฟื้นตัวทางด้านเศรษฐกิจ และมาตรการที่ออกมานั้นมุ่งช่วยเหลือเฉพาะผู้ประกอบวิสาหกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ที่มีวงเงินสินเชื่อกับสถาบันการเงินและมีคุณสมบัติที่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้อยู่แล้ว ซึ่งยังไม่ครอบคลุมถึงผู้ประกอบวิสาหกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรค
ติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ หรือผู้ประกอบวิสาหกิจรายใหม่ที่ไม่มีวงเงินสินเชื่อกับสถาบันการเงินและประสบกับปัญหาไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่มีต้นทุนต่ำได้
สาระสำคัญ
แก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 ดังต่อไปนี้
(1) แก้ไขเพิ่มเติมบทนิยามคำว่า “ผู้ประกอบวิสาหกิจ” ให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
(2) แก้ไขเพิ่มเติมบทนิยามคำว่า “วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม” ให้หมายความรวมถึงวิสาหกิจที่ไม่เคยมีวงเงินสินเชื่อกับสถาบันการเงินมาก่อน และจำกัดวงเงินสินเชื่อไว้ไม่เกินห้าร้อยล้านบาทต่อราย
(3) กำหนดให้ธนาคารแห่งประเทศไทยผ่อนปรนหลักเกณฑ์และเงื่อนไขต่าง ๆ เป็นกรณีพิเศษอันส่งผลให้วิสาหกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ทุกรายสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่มีต้นทุนต่ำได้โดยง่าย
(4) กำหนดเงื่อนไขการให้กู้ยืมเงินของสถาบันการเงินครอบคลุมถึงการให้สินเชื่อกับวิสาหกิจรายใหม่และวิสาหกิจที่ยังไม่มีวงเงินสินเชื่อกับสถาบันการเงินมาก่อน
(5) ขยายระยะเวลาการชำระคืนเงินที่กู้พร้อมดอกเบี้ย
1.ท่านเห็นด้วยหรือไม่กับการแก้ไขบทนิยาม คำว่า
1.1 “ผู้ประกอบวิสาหกิจ” หมายความว่า ผู้ประกอบวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมตามกฎหมายว่าด้วยส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
1.2 “วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม” หมายความว่า วิสาหกิจที่ไม่มีวงเงินหรือที่มีวงเงินสินเชื่อกับสถาบันการเงินแต่ละแห่งรวมกันไม่เกินห้าร้อยล้านบาท และไม่เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มธุรกิจที่มีลักษณะตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด
2. ท่านเห็นด้วยหรือไม่กับการกำหนดให้ธนาคารแห่งประเทศไทยผ่อนปรนหลักเกณฑ์และเงื่อนไข
ต่าง ๆ เป็นกรณีพิเศษ ซึ่งจะทำให้วิสาหกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่มีต้นทุนต่ำได้โดยง่าย
3. ท่านเห็นด้วยหรือไม่กับการกำหนดเงื่อนไขการให้กู้ยืมเงินของสถาบันการเงินครอบคลุมถึงการให้สินเชื่อกับวิสาหกิจที่ยังไม่มีวงเงินสินเชื่อกับสถาบันการเงินมาก่อนด้วย
4. ท่านเห็นด้วยหรือไม่กับการกำหนดให้ขยายระยะเวลาการชำระคืนเงินที่กู้พร้อมดอกเบี้ยแก่ธนาคารแห่งประเทศไทยจากกำหนดภายใน 2 ปี เป็นภายใน 5 ปี นับแต่วันที่ได้รับเงินกู้ เนื่องจากผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ นั้น มีความรุ่นแรงและยังไม่สามารถคาดการณ์วันสิ้นสุดได้ ทำให้การฟื้นตัวทางด้านเศรษฐกิจต้องใช้ระยะเวลานาน
5. ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะอื่น ๆ (ถ้ามี)