สถานะ : ปิดรับฟังความคิดเห็น รายงานผลการรับฟังความคิดเห็น
ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
ประเภทร่าง เสนอโดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ไม่เป็นร่างการเงิน
เสนอโดย นายชวลิต วิชยสุทธิ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกับคณะ เป็นผู้เสนอ
ข้อมูลประกอบการพิจารณา

โดยที่ผู้ประกอบวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมซึ่งเป็นภาคธุรกิจสำคัญที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศและเป็นแหล่งสำคัญของการจ้างงานยังไม่สามารถเข้าถึงการช่วยเหลือทางการเงินตามพระราชกำหนดการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 ได้อย่างแท้จริง จำเป็นต้องแก้ไขเงื่อนไขการที่สถาบันการเงินให้กู้ยืมเงินแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจเพื่อให้ผู้ประกอบวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมได้รับประโยชน์จากความช่วยเหลือทางการเงิน

สาระสำคัญ

          แก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 โดยแก้ไขในเรื่องของเงื่อนไขการที่สถาบันการเงินให้กู้ยืมเงินแก่ผู้ประกอบการวิสาหกิจ เพื่อให้ผู้ประกอบวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมได้รับประโยชน์จากความช่วยเหลือทางการเงินได้มากขึ้น โดยสรุปดังนี้

          1. แก้ไขเพิ่มเติมบทนิยาม ของคำว่า “ผู้ประกอบวิสาหกิจ”, “วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม” และมีการเพิ่มบทนิยามคำว่า “วิสาหกิจ”

          2. แก้ไขเพิ่มเติมเงื่อนไขการให้กู้ยืมเงินแก่ผู้ประกอบการวิสาหกิจ ประกอบด้วย

             2.1 วงเงินกู้ต้องเป็นมีวงเงินกู้เพิ่มเติมจากหนี้เดิมไม่เกินร้อยละ 20 ของหนี้ที่คงค้าง

             2.2 ผู้ประกอบวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมต้องไม่อยู่ในสถานะลูกหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้

             2.3 วงเงินที่ให้กู้ยืมกรณีที่ไม่มีวงเงินสินเชื่อกับสถาบันการเงินอื่น ไม่เกิน 15,000,000 บาท

             2.4 อัตราดอกเบี้ยระยะ 2 ปีแรก คิดอัตราไม่เกินร้อยละ 2 ต่อปี ไม่เรียกเก็บดอกเบี้ยในระยะเวลา 6 เดือนแรก โดยให้สถาบันการเงินได้รับการชดเชยตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด

             2.5 ในการให้กู้ยืมเงินให้สถาบันการเงินได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนการจำนองอสังหาริมทรัพย์และอาคารชุด และการจดทะเบียนหลักประกันทางธุรกิจอันเนื่องมาจากการให้กู้ยืมเงินตามมาตรการในพระราชกำหนดนี้

          3. เพิ่มเติม (3) (4) ของมาตรา 11 แห่งพระราชกำหนดการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่
ผู้ประกอบวิสาหกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 โดยการเพิ่มมาตรการชดเชยความเสียหายให้แก่สถาบันการเงินที่ให้วงเงินสินเชื่อแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเพิ่มเติมจากที่กำหนดไว้ในพระราชกำหนดการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจ
ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563

             3.1 ร้อยละ 80 ของจำนวนเงินที่สถาบันการเงินต้องกับสำรองเพิ่มเติมยอดหนี้ของลูกหนี้ในการให้กู้ยืมแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม

             3.2 ร้อยละ 75 ของจำนวนเงินที่สถาบันการเงินต้องกันสำรองเพิ่มเติมจากยอดหนี้รวมของลูกหนี้คูณด้วยอัตราส่วนของยอดหนี้ใหม่ตามพระราชกำหนดนี้กับยอดหนี้รวม เฉพาะที่เป็นผู้ประกอบวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่มีวงเงินสินเชื่อไม่เกิน 30,000,000 บาท

          4. กำหนดให้กระทรวงการคลังรายงานการกู้เงินตามพระราชกำหนดการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
พ.ศ. 2563 ที่กระทำในช่วงเวลาที่ผ่านมาให้รัฐสภาทราบทุก 3 เดือน นับแต่วันที่พระราชกำหนดฉบับนี้ใช้บังคับ

          5. เพิ่มหน้าที่และอำนาจของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาให้สามารถร้องขอข้อมูลเกี่ยวกับการให้กู้ยืมเงิน การรับชำระคืนเงินที่ให้กู้ยืม การชดเชยความเสียหายแก่สถาบันการเงินต่อประธานแห่งสภาที่ตนเป็นสมาชิก

ผู้ที่เกี่ยวข้อง

  1. กระทรวงการคลัง
  2. สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
  3. สมาคมธนาคารไทย
  4. สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
  5. สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา

ประเด็นเพื่อรับฟังความคิดเห็น

1. ท่านเห็นด้วยหรือไม่กับการกำหนดเงื่อนไขให้กับสถาบันการเงินในการปล่อยเงินกู้ให้แก่ผู้ประกอบการวิสาหกิจ อาทิ

             1.1 วงเงินกู้ต้องเป็นมีวงเงินกู้เพิ่มเติมจากหนี้เดิมไม่เกินร้อยละ ๒๐ ของหนี้ที่คงค้าง

             1.2 ผู้ประกอบวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมต้องไม่อยู่ในสถานะลูกหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้

             1.3 วงเงินที่ให้กู้ยืมกรณีที่ไม่มีวงเงินสินเชื่อกับสถาบันการเงินอื่น ไม่เกิน ๑๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท

             1.4 อัตราดอกเบี้ยระยะ 2 ปีแรก คิดอัตราไม่เกินร้อยละ 2 ต่อปี ไม่เรียกเก็บดอกเบี้ยในระยะเวลา 6 เดือนแรก โดยให้สถาบันการเงินได้รับการชดเชยตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด

             1.5 ในการให้กู้ยืมเงินให้สถาบันการเงินได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนการจำนองอสังหาริมทรัพย์และอาคารชุด และการจดทะเบียนหลักประกันทางธุรกิจอันเนื่องมาจากการให้กู้ยืมเงินตามมาตรการในพระราชกำหนดนี้

          2. ท่านเห็นด้วยหรือไม่ว่าควรเพิ่มมาตรการชดเชยความเสียหายให้แก่สถาบันการเงินที่ให้วงเงินสินเชื่อแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเพิ่มเติมจากที่กำหนดไว้ในพระราชกำหนดการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ.2563 อาทิ

             2.1 ร้อยละ 80 ของจำนวนเงินที่สถาบันการเงินต้องกับสำรองเพิ่มเติมยอดหนี้ของลูกหนี้ในการให้กู้ยืมแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม

             2.2 ร้อยละ 75 ของจำนวนเงินที่สถาบันการเงินต้องกันสำรองเพิ่มเติมจากยอดหนี้รวมของลูกหนี้คูณด้วยอัตราส่วนของยอดหนี้ใหม่ตามพระราชกำหนดนี้กับยอดหนี้รวม เฉพาะที่เป็นผู้ประกอบวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่มีวงเงินสินเชื่อไม่เกิน 30,000,000 บาท

          3. ท่านเห็นด้วยหรือไม่กับการกำหนดให้กระทรวงการคลังรายงานการกู้เงินตามพระราชกำหนดการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 ที่กระทำในช่วงเวลาที่ผ่านมาให้รัฐสภาทราบทุก ๓ เดือน นับแต่วันที่พระราชกำหนดฉบับนี้ใช้บังคับ

          4. ท่านเห็นด้วยหรือไม่กับการเพิ่มหน้าที่และอำนาจของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาให้สามารถร้องขอข้อมูลเกี่ยวกับการให้กู้ยืมเงิน การรับชำระคืนเงินที่ให้กู้ยืม การชดเชยความเสียหายแก่สถาบันการเงินต่อประธานแห่งสภาที่ตนเป็นสมาชิก

          5. ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะอื่น ๆ (ถ้ามี)