สถานะ : นายกรัฐมนตรีไม่รับรอง รายงานผลการรับฟังความคิดเห็น
ร่างพระราชบัญญัติคณะกรรมการธรรมาภิบาลแห่งชาติ พ.ศ. ....
ประเภทร่าง เสนอโดยประชาชน เป็นร่างการเงิน
เสนอโดย พลเอก กิตติศักดิ์ รัฐประเสริฐ กับผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จำนวน 10,327 ค
ข้อมูลประกอบการพิจารณา

โดยที่การบริหารราชการแผ่นดินทั้งในส่วนของภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ องค์กรอิสระภายใต้รัฐธรรมนูญ รวมถึงการบริหารจัดการภาคเอกชนในองค์กรบรรษัท องค์กรมหาชน และ
ภาคประชาชน นอกจากจะต้องมีวิธีการบริหารจัดการที่ดี เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลแล้ว ยังจำเป็นต้องอยู่ภายใต้หลักเกณฑ์ทางด้านธรรมาภิบาล เพื่อให้ประชาชนเกิดความมั่นใจ ศรัทธา และไว้วางใจ ประกอบกับปัจจุบันมีการส่งเสริมให้ดำเนินการบริหารราชการแผ่นดินตามหลักธรรมาภิบาล เพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินทั้งในส่วนของภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ องค์กรอิสระ
ภายใต้รัฐธรรมนูญ รวมถึงการบริหารจัดการภาคเอกชนในองค์กรบรรษัท องค์กรมหาชน และ
ภาคประชาชน เกิดประสิทธิภาพ เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 65 ที่มีวัตถุประสงค์ให้การบริหารจัดการโดยใช้หลักธรรมาภิบาล เพื่อใช้เป็นกรอบในการจัดทำแผนต่าง ๆ และให้สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ชาติตามพระราชบัญญัติ
การจัดทำแผนยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ. 2560 มาตรา 5 และมาตรา 6 เพื่อเป้าหมายในการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน และขับเคลื่อนธรรมาภิบาลให้เกิดขึ้นในทุกองค์กรและทุกภาคส่วน ดังนั้น จึงมีความจำเป็นต้องใช้ระบบคณะกรรมการ ในการจัดตั้งสภาธรรมาภิบาลแห่งชาติ และสภาธรรมาภิบาลระดับท้องถิ่น จัดสร้างเกณฑ์การประเมินองค์กรและโครงการต่าง ๆ ในกรอบของธรรมาภิบาล หรือทำการประเมินและให้ข้อเสนอแนะในเรื่องธรรมาภิบาลขององค์กรต่าง ๆ ทั้งภาครัฐ องค์กรอิสระและภาคเอกชนในโครงการที่องค์กรเหล่านั้นได้ดำริ หรือตามภารกิจขององค์กรในกรอบของตัวชี้วัดธรรมาภิบาลที่สร้างขึ้น เพื่อให้เกิดการใช้กฎหมายที่มีประสิทธิภาพ จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้

 

สาระสำคัญ

         1. กำหนดคำนิยาม “หน่วยงานของรัฐ” ให้หมายความว่า กระทรวง ทบวง กรม หรือ
ส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเป็นกระทรวง ทบวง กรม ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยวิธีงบประมาณหรือกฎหมายอื่น องค์การมหาชน องค์กรอิสระ องค์กรตามรัฐธรรมนูญ หน่วยงานของรัฐสภา มหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ และหน่วยงานอื่นของรัฐตามที่มีกฎหมายกำหนด (ร่างมาตรา 3)

         2. กำหนดขอบเขตของหลักธรรมาภิบาล ได้แก่ หลักคุณธรรม หลักนิติธรรม หลักความโปร่งใส หลักการมีส่วนร่วม หลักความรับผิดชอบ และหลักความคุ้มค่า (ร่างมาตรา 5)

         3. กำหนดให้มีคณะกรรมการธรรมาภิบาลแห่งชาติ กำหนดองค์ประกอบ คุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม วาระการดำรงตำแหน่ง องค์ประชุมของคณะกรรมการฯ และการตั้งคณะอนุกรรมการ รวมถึงกำหนดให้กรรมการได้รับเบี้ยประชุมและประโยชน์ตอบแทนอื่นในการปฏิบัติหน้าที่ตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด (ร่างมาตรา 6 – ร่างมาตรา 14)

         4. กำหนดให้คณะกรรมการธรรมาภิบาลแห่งชาติ มีหน้าที่ตรวจสอบและสอดส่องการปฏิบัติภารกิจของหน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐให้ใช้วิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดีและหลักธรรมาภิบาล จัดตั้งสภาธรรมาภิบาลแห่งชาติและสภาธรรมาภิบาลระดับท้องถิ่น จัดสร้างเกณฑ์การประเมินองค์กรและโครงการต่าง ๆ ในกรอบของธรรมาภิบาล เสนอและปรับปรุงเกณฑ์ในการประเมินด้านธรรมาภิบาลในหน่วยงานของรัฐและภาคเอกชน ประเมินและให้ข้อเสนอแนะในเรื่องธรรมาภิบาลขององค์กรต่าง ๆ ทั้งหน่วยงานของรัฐและภาคเอกชน
ในโครงการที่องค์กรเหล่านั้นได้ดำริ หรือตามภารกิจขององค์กรในกรอบของตัวชี้วัดธรรมาภิบาล
ที่สร้างขึ้น และจัดตั้งสถาบันพัฒนาธรรมาภิบาลแห่งชาติเพื่อให้ความรู้และส่งเสริมนวัตกรรม
ธรรมาภิบาลเพื่อใช้ในการพัฒนาประเทศ รวมถึงส่งเสริมการนำนวัตกรรมธรรมาภิบาลไปใช้ในการพัฒนาประเทศ ตลอดจนพัฒนาการศึกษาในทุกมิติเกี่ยวกับธรรมาภิบาลเพื่อนำความรู้และ
ความเข้าใจในหลักธรรมาภิบาลให้กับประชาชน (ร่างมาตรา 15)

         5. กำหนดให้คณะกรรมการธรรมาภิบาลแห่งชาติ มีการบังคับใช้กฎหมายในการเป็นองค์กรที่ทำการประเมินและให้ข้อเสนอแนะในเรื่องธรรมาภิบาลขององค์กรต่าง ๆ ทั้งหน่วยงานของรัฐและภาคเอกชนในโครงการที่องค์กรเหล่านั้นได้ดำริหรือตามภารกิจขององค์กรในกรอบของตัวชี้วัดธรรมาภิบาลที่สร้างขึ้น เป็นองค์กรในการจัดตั้งสถาบันพัฒนาธรรมาภิบาลแห่งชาติเพื่อให้ความรู้และส่งเสริมนวัตกรรมธรรมาภิบาลเพื่อใช้ในการพัฒนาประเทศ และเป็นองค์กรหลักในการส่งเสริมการนำนวัตกรรมธรรมาภิบาลไปใช้ในการพัฒนาประเทศ รวมถึงพัฒนาการศึกษาในทุกมิติเกี่ยวกับธรรมาภิบาลเพื่อนำความรู้และความเข้าใจในหลักธรรมาภิบาลให้กับประชาชน (ร่างมาตรา 16)

         6. กำหนดให้คณะกรรมการธรรมาภิบาลแห่งชาติมีการบริหารองค์กรออกเป็น ส่วนกลาง ส่วนท้องถิ่น และสถาบันพัฒนาธรรมาภิบาลแห่งชาติ (ร่างมาตรา 17)

         7. กำหนดให้มีคณะกรรมการสรรหาทำหน้าที่ในการสรรหาและคัดเลือกบุคคลที่สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการธรรมาภิบาลแห่งชาติ (ร่างมาตรา 18)

         8. กำหนดให้มีสำนักงานคณะกรรมการธรรมาภิบาลแห่งชาติ (สำนักงาน ธ.ภ.ช.) เป็นหน่วยงานของรัฐที่เป็นนิติบุคคลและอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของประธานกรรมการธรรมาภิบาลแห่งชาติ (ร่างมาตรา 21)

         9. กำหนดให้กิจการของสำนักงานคณะกรรมการธรรมาภิบาลแห่งชาติไม่อยู่ภายใต้บังคับแห่งกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน กฎหมายว่าด้วยแรงงานสัมพันธ์ กฎหมายว่าด้วยประกันสังคม และกฎหมายว่าด้วยเงินทดแทน โดยเลขาธิการ พนักงาน และลูกจ้างของสำนักงานฯ ต้องได้รับความคุ้มครองและประโยชน์ตอบแทนไม่น้อยกว่าที่กำหนดไว้ในกฎหมาย (ร่างมาตรา 22)

         10. กำหนดอำนาจและหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการธรรมาภิบาลแห่งชาติ กำหนดให้มีเลขาธิการคณะกรรมการธรรมาภิบาลแห่งชาติ รวมถึงกำหนดวาระการดำรงตำแหน่ง และการพ้นจากตำแหน่ง (ร่างมาตรา 23 – ร่างมาตรา 27)

         11. กำหนดให้สำนักงานคณะกรรมการธรรมาภิบาลแห่งชาติมีรายได้จากเงินที่รัฐบาลจ่ายให้เป็นทุนประเดิม เงินอุดหนุนทั่วไปที่รัฐบาลจัดสรรให้ตามความเหมาะสม รายได้และผลประโยชน์อันได้มาจากการดำเนินงานตามอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการและสำนักงานฯ และเงินหรือทรัพย์สินที่มีผู้บริจาคให้สำนักงานฯ รวมถึงรายได้และดอกผลจากทรัพย์สินของสำนักงานฯ (ร่างมาตรา 28)     

ผู้ที่เกี่ยวข้อง

         1. หน่วยงานของรัฐ ประกอบด้วย

            (1) ส่วนราชการ (ราชการส่วนกลาง และราชการส่วนภูมิภาค)

            (2) หน่วยงานของรัฐสภา องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ และองค์กรอัยการ

            (3) องค์การมหาชน

         2. กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น

         3. ธนาคารแห่งประเทศไทย

         4. สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.)

         5. สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์

         6. คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.)

         7. ประชาชนทั่วไป

ประเด็นเพื่อรับฟังความคิดเห็น

  1. ท่านเห็นด้วยหรือไม่กับการกำหนดนิยามคำว่า “หน่วยงานของรัฐ” เพื่อให้กฎหมายมีผลบังคับใช้ต่อหน่วยงานของรัฐ ตามร่างพระราชบัญญัตินี้ (ร่างมาตรา ๓)
  2. ท่านเห็นด้วยหรือไม่กับการกำหนดขอบเขตของหลักธรรมาภิบาล ได้แก่ หลักคุณธรรม หลักนิติธรรม หลักความโปร่งใส หลักการมีส่วนร่วม หลักความรับผิดชอบ และหลักความคุ้มค่า ตามร่างพระราชบัญญัตินี้ (ร่างมาตรา ๕)
  3. ท่านเห็นด้วยหรือไม่กับการกำหนดองค์ประกอบ คุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม และวาระการดำรงตำแหน่งของคณะกรรมการธรรมาภิบาลแห่งชาติ ตามร่างพระราชบัญญัตินี้ (ร่างมาตรา ๖ – ร่างมาตรา ๙)
  4. ท่านเห็นด้วยหรือไม่กับหน้าที่ของคณะกรรมการธรรมาภิบาลแห่งชาติ ตามร่างพระราชบัญญัตินี้ (ร่างมาตรา ๑๕)
  5. ท่านเห็นด้วยหรือไม่กับการกำหนดให้คณะกรรมการธรรมาภิบาลแห่งชาติมีการบังคับใช้กฎหมาย ตามร่างพระราชบัญญัตินี้ (ร่างมาตรา ๑๖)
  6. ท่านเห็นด้วยหรือไม่กับการกำหนดให้คณะกรรมการธรรมาภิบาลแห่งชาติมีการบริหารองค์กรออกเป็น ส่วนกลาง ส่วนท้องถิ่น และสถาบันพัฒนาธรรมาภิบาลแห่งชาติ ตามร่างพระราชบัญญัตินี้ (ร่างมาตรา ๑๗)
  7. ท่านเห็นด้วยหรือไม่กับการกำหนดให้มีคณะกรรมการสรรหาทำหน้าที่ในการสรรหาและคัดเลือกบุคคลที่สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการธรรมาภิบาลแห่งชาติ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการสรรหากำหนด ตามร่างพระราชบัญญัตินี้ (ร่างมาตรา ๑๘)
  8. ท่านเห็นด้วยหรือไม่กับการกำหนดให้มีการจัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการธรรมาภิบาลแห่งชาติ (สำนักงาน ธ.ภ.ช.) เป็นหน่วยงานของรัฐที่เป็นนิติบุคคลและอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของประธานกรรมการธรรมาภิบาลแห่งชาติ ตามร่างพระราชบัญญัตินี้ (ร่างมาตรา ๒๑)
  9. ท่านเห็นด้วยหรือไม่กับอำนาจและหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการธรรมาภิบาลแห่งชาติ ตามร่างพระราชบัญญัตินี้ (ร่างมาตรา ๒๓)      
  10. ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะอื่น ๆ (ถ้ามี)