สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเสนอเพื่อเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญาโดยเพิ่มมาตรา 206/1 ไว้ในลักษณะ 4 ความผิดเกี่ยวกับศาสนา กำหนดให้พระภิกษุในพระพุทธศาสนารูปใดกระทำชำเราผู้อื่นหรือยินยอมให้ผู้อื่นกระทำชำเรา และบุคคลที่กระทำชำเราพระภิกษุหรือยินยอมให้พระภิกษุกระทำชำเรา รวมถึงผู้เป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือพาไปเพื่อการกระทำชำเรากับพระภิกษุ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งมีลักษณะเป็นการมุ่งลงโทษแก่บุคคลซึ่งเป็นพระภิกษุที่ละเมิดการปฏิบัติหน้าที่หรือการครองตนตามหลักการของพระพุทธศาสนา
ฐานความผิดและองค์ประกอบความผิดร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ร่างมาตรา 206/1) กำหนดฐานความผิดและองค์ประกอบความผิดไว้ดังนี้
1. ความผิดฐานพระภิกษุกระทำชำเราหรือยินยอมให้ผู้อื่นกระทำชำเรา
มีองค์ประกอบความผิดคือ
(1) พระภิกษุในพระพุทธศาสนา
(2) กระทำชำเรา
(3) ผู้อื่น
หรือ
(1) พระภิกษุในพระพุทธศาสนา
(2) ยินยอม
(3) ให้ผู้อื่นกระทำชำเรา
2. ความผิดฐานกระทำชำเราหรือยินยอมให้พระภิกษุกระทำชำเรา
(1) ผู้ใด
(2) กระทำชำเรา
(3) พระภิกษุในพระพุทธศาสนา
หรือ
(1) ผู้ใด
(2) ยินยอม
(3) ให้พระภิกษุในพระพุทธศาสนา
3. ความผิดฐานเป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือพาไปเพื่อการกระทำชำเรากับพระภิกษุ
3. ความผิดฐานเป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือพาไปเพื่อการกระทำชำเรากับพระภิกษุ
บทบัญญัติในประมวลกฎหมายอาญาที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดฐานกระทำชำเรา |
ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายยอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... |
ลักษณะ 9 ความผิดเกี่ยวกับเพศ มาตรา 277 ผู้ใดกระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีซึ่งมิใช่ภริยาหรือสามีของตน โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท
ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่ง เป็นการกระทำแก่เด็กอายุยังไม่เกินสิบสามปี ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่เจ็ดปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนสี่หมื่นบาทถึงสี่แสนบาท หรือจำคุกตลอดชีวิต
ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสอง ได้กระทำโดยทำให้ผู้ถูกกระทำเข้าใจว่าผู้กระทำมีอาวุธปืนหรือวัตถุระเบิด ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สิบปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่สองแสนบาทถึงสี่แสนบาท หรือจำคุกตลอดชีวิต
ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสอง ได้กระทำโดยมีอาวุธปืนหรือวัตถุระเบิด หรือโดยใช้อาวุธ หรือโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันอันมีลักษณะเป็นการโทรมเด็กหญิงหรือกระทำกับเด็กชายในลักษณะเดียวกัน ต้องระวางโทษจำคุกตลอดชีวิต
ความผิดตามที่บัญญัติไว้ในวรรคหนึ่ง ถ้าเป็นการกระทำโดยบุคคลอายุไม่เกินสิบแปดปีกระทำต่อเด็กซึ่งมีอายุกว่าสิบสามปีแต่ยังไม่เกินสิบห้าปี โดยเด็กนั้นยินยอม ศาลที่มีอำนาจพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัวจะพิจารณาให้มีการคุ้มครองสวัสดิภาพของเด็กผู้ถูกกระทำหรือผู้กระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองเด็กแทนการลงโทษก็ได้ ในการพิจารณาของศาล ให้คำนึงถึงอายุ ประวัติ ความประพฤติ สติปัญญา การศึกษาอบรม สุขภาพ ภาวะแห่งจิต นิสัย อาชีพ สิ่งแวดล้อมของผู้กระทำความผิดและเด็กผู้ถูกกระทำ ความสัมพันธ์ระหว่างผู้กระทำความผิดกับเด็กผู้ถูกกระทำ หรือเหตุอื่นอันควรเพื่อประโยชน์ของเด็กผู้ถูกกระทำด้วย
ในกรณีที่ได้มีการดำเนินการคุ้มครองสวัสดิภาพของเด็กผู้ถูกกระทำหรือผู้กระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองเด็กแล้ว ผู้กระทำความผิดไม่ต้องรับโทษ แต่ถ้าการคุ้มครองสวัสดิภาพดังกล่าวไม่สำเร็จ ศาลจะลงโทษผู้กระทำความผิดน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้ ในการพิจารณาของศาล ให้คำนึงถึงเหตุตามวรรคห้าด้วย |
ลักษณะ 4 ความผิดเกี่ยวกับศาสนา ร่างมาตรา 206/1 พระภิกษุในพระพุทธศาสนารูปใดกระทำชำเราผู้อื่น หรือยินยอมให้ผู้อื่นกระทำชำเรา ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และในกรณีผู้กระทำชำเราพระภิกษุหรือยินยอมให้พระภิกษุกระทำชำเราต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ผู้ใดเป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือพาไปเพื่อการกระทำชำเรากับพระภิกษุ แม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตามต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ |
บทบัญญัติของประมวลกฎหมายอาญาที่บังคับใช้อยู่ในปัจจุบัน ในหมวดความผิดเกี่ยวกับเพศ จะมีลักษณะการกระทำความผิดเกี่ยวกับเพศ 3 ลักษณะ คือ
1. การข่มขืนกระทำชำเรา ตามมาตรา 276
2. การกระทำชำเราเด็ก มาตรา 277
3. การกระทำอนาจาร มาตรา 278 การกระทำอนาจารเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปี มาตรา 279
กล่าวโดยเฉพาะในเรื่องความผิดเกี่ยวกับเพศที่เป็นการกระทำชำเรา ซึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 1 (18) ให้ความหมายของคำว่ากระทำชำเรา หมายความว่า กระทำเพื่อสนองความใคร่ของผู้กระทำ โดยการใช้อวัยวะเพศของผู้กระทำล่วงล้ำอวัยวะเพศ ทวารหนัก หรือช่องปากของผู้อื่น
อย่างไรก็ตามการกระทำชำเราจะเป็นความผิดได้นั้น จะต้องเป็นการกระทำต่อเด็กซึ่งมิได้เป็นภรยาหรือสามีของตน ตามช่วงอายุดังนี้
1. กระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี
2. กระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกินสิบสามปี
ซึ่งเมื่อพิจารณาตามร่างมาตรา 206/1 เป็นการเสนอให้การกระทำชำเรากับพระภิกษุเป็นความผิด หรือพระภิกษุกระทำชำเราบุคคลอื่นไม่ว่าผู้ถูกกระทำชำเรามีอายุเท่าใดเป็นความผิด แต่ควรต้องพิจารณาประกอบด้วยว่า หากมีบทบัญญัติเช่นนี้แล้วมีกรณีพระภิกษุกระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีหรือกระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกินสิบสามปี จะเป็นความผิดตามบทบัญญัติในมาตราใด
ข้อควรพิจารณา
บทบัญญัติในลักษณะ 4 ความผิดเกี่ยวกับศาสนา มุ่งคุ้มครองประโยชน์สาธารณะในแง่ของศาสนา โดยให้ความคุ้มครองความนับถือในศาสนวัตถุและศาสนสถาน ตลอดจนการประกอบพิธีต่าง ๆ ไม่ให้มีการดูหมิ่น ย่ำยี หรือก่อกวนการประกอบพิธีกรรมนั้น ๆ หรือลดทอนความศรัทธาของบุคคลที่มีต่อศาสนาไปได้[1]
ในการตรากฎหมายลักษณอาญาได้บัญญัติคุ้มครองเฉพาะศาสนวัตถุ ศาสนสถาน และศาสนพิธีของทุกศาสนาไว้ในความผิด 2 ฐาน คือ ความผิดฐานเหยียดหยามศาสนา และความผิดฐานก่อให้เกิดการวุ่นวายในที่ประชุมศาสนา ทั้งนี้ชั้นการยกร่างกฎหมายลักษณอาญา คณะกรรมการร่างได้เคยปรึกษาประเด็นเกี่ยวกับพระสงฆ์เสพเมถุนว่าควรมีความผิดและกำหนดโทษทางอาญาไว้ด้วยหรือไม่ เพราะในทางปฏิบัติขณะนั้น
ศาลจะลงโทษจำคุกพระสงฆ์ไม่เกิน 7 ปีและหญิงที่ร่วมเสพเมถุนกับพระสงฆ์ไม่เกิน 3 ปี ซึ่งคณะกรรมการร่างเสนอว่าควรยกเลิกความผิดนี้ หรือไม่ก็กำหนดโทษให้น้อยลงเพราะการละเมิดหน้าที่ทางศาสนาไม่สมควรกำหนดให้เป็นความผิดอาญา อีกประการหนึ่งถ้าหากสยามจะขอยกเลิกสิทธิสภานอกอาณาเขตกับประเทศมหาอำนาจ บทบัญญัตินี้อาจถูกคัดค้านได้เพราะพระสงฆ์ที่ไม่ได้เป็นคนไทยอาจจะตกอยู่ในภาวะที่เลวร้ายกว่านักบวชในศาสนาอื่น ซึ่งจะขัดต่อหลักความเสมอภาค และไม่เป็นไปตามแนวทางของประมวลกฎหมายของอารยประเทศ ต่อมาในการจัดทำประมวลกฎหมายอาญา ก็ยังคงเจตนารมณ์เช่นเดียวกับกฎหมายลักษณอาญา แต่ได้เพิ่มความผิดฐานแต่งการหรือใช้เครื่องหมายเลียยแบบพระหรือนักบวช[2] โดยไม่ปรากฎเรื่องการเสพเมถุนของพระภิกษุเป็นความผิด