โดยที่รัฐต้องดำเนินการตามแนวนโยบายแห่งรัฐด้านเศรษฐกิจ คือ การจัดให้มีการออมเพื่อการดำรงชีพในยามชราแก่ประชาชนและเจ้าหน้าที่ของรัฐอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม รวมทั้งต้องคุ้มครองให้ผู้ทำงานที่มีคุณค่าให้ได้รับค่าตอบแทน สิทธิประโยชน์ และสวัสดิการที่เป็นธรรมโดยไม่เลือกปฏิบัติ ซึ่งที่ผ่านมาข้าราชการส่วนท้องถิ่นเมื่อถึงวัยเกษียณอายุราชการแล้วต้องมีชีวิตอยู่อย่างลำบากอันเนื่องมาจากวิธีคำนวณบำนาญตามมาตรา 32 (2) แห่งพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2500 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ดังนั้น เพื่อให้ข้าราชการส่วนท้องถิ่นที่เกษียณอายุได้รับหลักประกันในการดำรงชีพเมื่อพ้นจากการทำงานภายหลังเกษียณอายุราชการแล้วให้มีรายได้เพียงพอแก่การยังชีพ และเพื่อให้มีระบบการออมเพื่อการดำรงชีพในยามชรา อันเป็นการสร้างความเป็นธรรมในการดูแลจากภาครัฐให้แก่ข้าราชการส่วนท้องถิ่นที่เกษียณอายุราชการไปแล้ว สมควรมีการแก้ไขเพิ่มเติมวิธีการคำนวณบำนาญข้าราชการส่วนท้องถิ่นเพื่อให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้นและกำหนดเงินเพิ่มค่าครองชีพเพื่อช่วยเหลือการดำรงชีพให้แก่ข้าราชการส่วนท้องถิ่นผู้รับบำนาญ จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ โดยสรุปสาระสำคัญ ดังนี้
1. แก้ไขเพิ่มเติมวิธีคำนวณบำนาญข้าราชการส่วนท้องถิ่นและกำหนดให้มีเงินเพิ่มค่าครองชีพสำหรับข้าราชการบำนาญส่วนท้องถิ่น (ร่างมาตรา 3)
2. กำหนดบทเฉพาะกาลรองรับการให้นำวิธีคำนวณบำนาญมาใช้บังคับย้อนหลังกับข้าราชการบำนาญส่วนท้องถิ่นที่ได้รับบำนาญก่อนวันที่ร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้จะมีผลใช้บังคับ (ร่างมาตรา 4)
1. กระทรวงมหาดไทย
2. กระทรวงการคลัง
3. กระทรวงกลาโหม
4. กรมการปกครอง
5. กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น
6. กรมบัญชีกลาง
7. คณะกรรมการกลางข้าราชการองค์การบริหารส่วนจังหวัด
8. คณะกรรมการกลางพนักงานเทศบาล
9. คณะกรรมการกลางพนักงานส่วนตำบล
10. ข้าราชการส่วนท้องถิ่น
11. ประชาชนทั่วไป
1. ท่านเห็นด้วยหรือไม่กับการแก้ไขเพิ่มเติมวิธีคำนวณบำนาญข้าราชการส่วนท้องถิ่นและกำหนดให้มีเงินเพิ่มค่าครองชีพสำหรับข้าราชการบำนาญส่วนท้องถิ่น (ร่างมาตรา 3)
2. ท่านเห็นด้วยหรือไม่กับการกำหนดบทเฉพาะกาลรองรับการให้นำวิธีคำนวณบำนาญมาใช้บังคับย้อนหลังกับข้าราชการบำนาญส่วนท้องถิ่นที่ได้รับบำนาญก่อนวันที่ร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้จะมีผลใช้บังคับ (ร่างมาตรา 4)