ในกรณีบุคคลผู้ไม่ได้กระทำผิดซึ่งถูกศาลพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษ หรือกรณีบุคคลควรได้รับโทษ
น้อยกว่าที่ศาลได้มีคำพิพากษา ได้พบพยานหลักฐานใหม่ซึ่งสามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในภายหลัง สามารถยื่นคำร้องต่อศาลหรืออัยการสูงสุดเพื่อขอให้นำคดีขึ้นพิจารณาใหม่ และให้พนักงานอัยการมีสิทธิยื่นคำร้องได้ ในกรณีอัยการสูงสุดเป็นผู้ยื่นคำร้องก็ให้ศาลชั้นต้นสั่งรับคำร้องและดำเนินการรื้อฟื้นคดีตามกฎหมายทั้งนี้ เพื่อให้การดำเนินการพิจารณาพยานหลักฐานใหม่เป็นประโยชน์และสร้างความยุติธรรมให้แก่ทุกฝ่ายจึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้
สาระสำคัญ
1) แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการรื้อฟื้นคดีอาญาขึ้นพิจารณาใหม่ พ.ศ. 2525 มาตรา 5 (3) กรณีมีพยานหลักฐานใหม่ชัดแจ้งและสำคัญแก่คดีที่ไม่เคยปรากฏในการพิจารณาของศาลมาก่อน
ถ้าได้นำมาสืบในการพิจารณาของศาลจะก่อให้เกิดความสงสัยตามสมควรว่าผู้ที่ถูกศาลพิพากษาลงโทษอาจไม่ได้เป็นผู้กระทำผิด หรือควรรับโทษน้อยกว่าที่ศาลได้มีคำพิพากษา อาจมีการร้องขอให้รื้อฟื้นคดีขึ้นพิจารณาพิพากษาใหม่ได้ (ร่างมาตรา 3)
2) แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการรื้อฟื้นคดีอาญาขึ้นพิจารณาใหม่ พ.ศ. 2526 มาตรา 6 (5)ให้พนักงานอัยการมีสิทธิยื่นคำร้องขอให้รื้อฟื้นคดีอาญาที่ได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษแล้ว ขึ้นพิจารณาพิพากษาใหม่ได้ (ร่างมาตรา 4)
3) แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการรื้อฟื้นคดีอาญาขึ้นพิจารณาใหม่ พ.ศ. 2526 มาตรา 8
ให้สามารถยื่นคําร้องขอต่ออัยการสูงสุด ให้รื้อฟื้นคดีอาญาที่ได้มีคําพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษแล้ว ขึ้นพิจารณาพิพากษาใหม่ได้ (ร่างมาตรา 5)
4) แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการรื้อฟื้นคดีอาญาขึ้นพิจารณาใหม่ พ.ศ. 2526 มาตรา 9 ในกรณีที่อัยการสูงสุดเป็นผู้ยื่นคำร้องขอให้รื้อฟื้นคดีอาญาที่ได้มีคําพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษแล้ว ขึ้นพิจารณาพิพากษาใหม่ ก็ให้ศาลสั่งรับคำร้องและดำเนินการรื้อฟื้นคดีขึ้นพิจารณาใหม่ต่อไป คำสั่งของศาลในกรณีเช่นนี้ให้เป็นที่สุด (ร่างมาตรา 6)
5) แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการรื้อฟื้นคดีอาญาขึ้นพิจารณาใหม่ พ.ศ. 2526 มาตรา 18 กรณีผู้ต้องรับโทษอาญาสามารถยื่นคำร้องขอให้รื้อฟื้นคดีอาญาที่ได้มีคำพิพากษาถึงที่สุด ให้ลงโทษแล้วขึ้นพิจารณาพิพากษาใหม่ เมื่อปรากฏพยานหลักฐานใหม่ (ร่างมาตรา 7)
6) กำหนดให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ (ร่างมาตรา 8)