โดยที่ประเทศไทยตั้งอยู่บนภูมิยุทธศาสตร์ที่ดีที่สุดในเอเชียและมีชื่อเสียงมาช้านานมีศักยภาพที่จะเป็นเส้นทางเดินเรือใหม่ของโลก ตั้งอยู่บนศูนย์กลางของอาเซียน มีคาบสมุทรแหลมทองเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างมหาสมุทรแปซิฟิกและมหาสมุทรอินเดีย เป็นเส้นผ่านทางการค้าและจุดยุทธศาสตร์ที่ดีเลิศโดยธรรมชาติ ประกอบกับประเทศไทยมีทรัพยากรธรรมชาติ ผลผลิตทางการเกษตรที่อุดมสมบูรณ์ จุดยุทธศาสตร์เชื่อมเส้นทางขนส่งสินค้าทางทะเลนี้ จะสามารถพัฒนาคุณภาพชีวิต เศรษฐกิจ สังคม การศึกษา เทคโนโลยี ในพื้นที่ ๕ จังหวัด ได้แก่ กระบี่ ตรัง พัทลุง สงขลา นครศรีธรรมราช การขุดคลองไทยผ่านแผ่นดิน ๕ จังหวัดดังกล่าว จะทำให้ร่นระยะเวลาในการขนส่งสินค้าประมาณ ๓–๗ วัน โดยประหยัดต้นทุนการขนส่งสินค้าทางทะเล และประชากรโลกจำนวน ๒ ใน ๓ จะได้รับประโยชน์จากคลองไทยนี้ เนื่องจากเป็นเส้นทางเดินเรือสำคัญของนานาประเทศ และการบริหารจัดการพื้นที่ในรายรอบอาณาบริเวณของ ๕ จังหวัดดังกล่าวที่แนวคลองไทยพาดผ่าน ซึ่ง นายนภดล แก้วสุพัฒน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคพลังท้องถิ่นไท กับคณะ ได้เสนอร่างพระราชบัญญัติเขตพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ พ.ศ. ....เพื่อการบริหารในรูปแบบเขตเศรษฐกิจพิเศษเพื่อให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางยุทธศาสตร์ของโลกด้านเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม การศึกษา และนวัตกรรมใหม่ เพื่อเป็นการส่งเสริมพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้และการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ และเพื่อเพิ่มช่องทางการส่งออกสินค้าไปยังทั่วโลกและเป็นการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่ฝั่งอันดามันกับฝั่งอ่าวไทย ดังต่อไปนี้
1) กำหนดให้พื้นที่จังหวัดกระบี่ ตรัง นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา และพื้นที่อื่นใดที่อยู่ในภาคใต้ที่กำหนดเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาเป็นเขตพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้มีวัตถุประสงค์สำคัญ คือ เชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์ พัฒนากิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ทันสมัยเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ให้บริการภาครัฐแบบเบ็ดเสร็จครบวงจร จัดทำโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภคที่มีประสิทธิภาพ ใช้ประโยชน์ในที่ดินอย่างเหมาะสม มีพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมเพื่อเป็นศูนย์กระจายสินค้า เชื่อมทะเลอันดามันและอ่าวไทยผ่านเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้เป็นศูนย์กลางท่าเรือขนส่ง (ร่างมาตรา 5)
2) กำหนดให้รัฐดำเนินการจัดให้หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องร่วมกันส่งเสริมและสนับสนุนการดำเนินการตามแผนการพัฒนาเขตพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ ตลอดจนการให้ผู้ประกอบกิจการทั้งในประเทศและต่างประเทศเข้ามาประกอบอุตสาหกรรมเป้าหมาย และกิจการที่เกี่ยวเนื่องในเขตพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ (ร่างมาตรา 6)
3) กำหนดให้มีคณะกรรมการผู้ชำนาญการเป็นการเฉพาะเพื่อพิจารณาให้ความเห็นหรือความเห็นชอบรายงานประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการหรือกิจการใดๆ ภายในเขตพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ (ร่างมาตรา 7)
4) กำหนดให้มี “คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้”มีหน้าที่และอำนาจในการกำกับ ดูแล ให้คำปรึกษา คำแนะนำ ข้อเสนอแนะต่าง ๆ แก่กรรมการบริหารและหน่วยงานในเขตพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ กำหนดนโยบายเพื่อการพัฒนาเขตพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ ประกาศกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ ตลอดจนเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาปรับปรุงกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ คำสั่ง หรือมีกฎหมายขึ้นใหม่ เพื่อให้การพัฒนาเขตพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้มีประสิทธิภาพ สะดวก และรวดเร็ว ทั้งนี้ ต้องไม่กระทบต่อความเสมอภาค สิทธิและเสรีภาพของประชาชน และต้องไม่เลือกปฏิบัติ(ร่างมาตรา 8 ถึงร่างมาตรา 10)
4) กำหนดให้มีกระบวนการพิจารณาการร่วมลงทุนกับเอกชนหรือให้เอกชนเป็นผู้ลงทุน(ร่างมาตรา 11)
5) กำหนดให้มีสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้เป็นหน่วยงานเลขานุการของคณะกรรมการนโยบาย มีฐานะเป็นนิติบุคคลที่เป็นหน่วยงานของรัฐแต่ไม่เป็นส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณและกฎหมายอื่น(ร่างมาตรา 13)
6) กำหนดให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้มีผู้ว่าการคนหนึ่งซึ่งคณะกรรมการนโยบายแต่งตั้ง มีหน้าที่รับผิดชอบในการดำเนินงานของสำนักงาน (ร่างมาตรา 15)
7) กำหนดให้รายได้ของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้มาจากเงินอุดหนุนที่รัฐบาลจัดสรรให้ ผลประโยชน์จากการลงทุน การประกอบกิจการ เงินหรือทรัพย์สินที่มีผู้บริจาคให้ และดอกผลหรือผลประโยชน์อื่นที่เกิดจากเงินหรือทรัพย์สินของสำนักงาน โดยให้รายได้ที่สำนักงานได้รับจากการดำเนินงานไม่ต้องนำส่งกระทรวงการคลังตามกฎหมายว่าด้วยเงินคงคลัง และเมื่อหักค่าใช้จ่ายของสำนักงานแล้วเหลือเท่าใดให้นำส่งเป็นเงินสบทบของกองทุนตามมาตรา 61 (ร่างมาตรา 23)
8) กำหนดให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ จัดทำนโยบายและแผนภาพรวมเพื่อการพัฒนาเขตพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ โดยร่วมกับกรมโยธาธิการและผังเมือง และหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ในระหว่างที่ยังจัดทำผังเมืองไม่แล้วเสร็จ ให้ถือว่าแผนผังที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติเป็นผังเมืองรวมตามกฎหมายว่าด้วยการผังเมืองสำหรับแต่ละจังหวัดที่อยู่ในเขตพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ (ร่างมาตรา 28 ร่างมาตรา 29 และร่างมาตรา 31)
9) กำหนดให้มีหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการได้มา และใช้ประโยชน์ของอสังหาริมทรัพย์ในการพัฒนาเขตพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ (ร่างมาตรา 33 ถึงร่างมาตรา 35)
10) กำหนดให้คณะกรรมการนโยบายเป็นผู้มีอำนาจอนุมัติ อนุญาต ให้สิทธิ หรือให้สัมปทานแก่บุคคลซึ่งดำเนินการอันเป็นประโยชน์โดยตรงต่อการพัฒนาเขตพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้(ร่างมาตรา 36)
11) กำหนดให้มีเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษขึ้นเพื่อพัฒนาและส่งเสริมอุตสาหกรรมเป้าหมายพิเศษ หรือเพื่อส่งเสริมให้เกิดกิจการที่เกี่ยวเนื่องหรือเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาและส่งเสริมอุตสาหกรรมเป้าหมายพิเศษ หรือเพื่อให้เกิดการถ่ายทอดความรู้ความเชี่ยวชาญจากผู้ประกอบกิจการในเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษสู่สถาบันการศึกษาหรือสถาบันวิจัยที่มีศักยภาพสูง (ร่างมาตรา 38)
12) กำหนดให้คณะกรรมการนโยบายมีอำนาจกำหนดเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษเพื่อวัตถุประสงค์ในการผลักดันการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายพิเศษด้านใดด้านหนึ่งหรือหลายด้านที่ไม่เป็นปฏิปักษ์ต่อกัน (ร่างมาตรา 39)
13) กำหนดให้มีหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการจัดตั้ง เปลี่ยนแปลงเขต และการยุบเลิกเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษแต่ละเขต โดยให้คณะกรรมการนโยบายประกาศในราชกิจจานุเบกษา (ร่างมาตรา 41)
14) กำหนดให้ผู้ว่าการเป็นผู้มีอำนาจอนุมัติ อนุญาต ออกใบอนุญาต หรือให้ความเห็นขอบหรือเป็นผู้มีอำนาจในการรับจดทะเบียนหรือรับแจ้งตามกฎหมายภายในเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ (ร่างมาตรา 42)
15) กำหนดหลักเกณฑ์การอุทธรณ์คำสั่งของผู้ว่าการ โดยผู้ขอรับอนุมัติ อนุญาต ใบอนุญาต ความเห็นชอบ หรือขอจดทะเบียนหรือแจ้งตามมาตรา 42 มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งของผู้ว่าการได้
(ร่างมาตรา 43)
16) กำหนดให้คณะกรรมการนโยบายมีอำนาจกำหนดให้ผู้ประกอบอุตสาหกรรมเป้าหมายพิเศษและกิจการที่เกี่ยวเนื่องส่งเงินบำรุงกองทุนตามอัตรา หลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่สำนักงานประกาศกำหนด โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการนโยบาย (ร่างมาตรา 46)
17) กำหนดให้ผู้ประกอบกิจการในเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษได้รับสิทธิประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างตามที่คณะกรรมการนโยบายกำหนด เช่น สิทธิในการถือกรรมสิทธิ์ที่ดิน สิทธิในการนำคนต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักร เป็นต้น การกำหนดสิทธิประโยชน์ดังกล่าวคณะกรรมการนโยบายจะกำหนดให้แตกต่างกันก็ได้โดยคำนึงถึงวัตถุประสงค์ในการจัดตั้งเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษแต่ละแห่ง (ร่างมาตรา 47 ถึงร่างมาตรา 60)
18) กำหนดให้จัดตั้งกองทุนขึ้นห้ากองทุนในสำนักงาน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นทุนสนับสนุนการพัฒนาพื้นที่ ขุมชน และประชาชนที่อยู่ภายในหรือที่ได้รับผลกระทบจากการพัฒนาเขตพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ (ร่างมาตรา 61 ถึง ร่างมาตรา 64)
19) กำหนดให้คณะกรรมการนโยบายมีหน้าที่และอำนาจกำกับโดยทั่วไปซึ่งกิจการของสำนักงานโดยจะสั่งให้สำนักงานชี้แจงข้อเท็จจริง แสดงความคิดเห็น หรือทำรายงานก็ได้ (ร่างมาตรา 65)
20) กำหนดให้มีสำนักงานเลขาธิการคณะกรรมการบริหารคลองไทยเป็นองค์กรที่มีหน้าที่รับผิดชอบ การจัดการ การบำรุงรักษา การใช้สอยและการอนุรักษ์ทรัพยากรของลุ่มน้ำคลองไทย และประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนที่รับผิดชอบ และมีผลประโยชน์ในทรัพยากรธรรมชาติในลุ่มน้ำคลองไทย โดยมีเลขาธิการคณะกรรมการบริหารคลองไทยเป็นผู้บังคับบัญชา (ร่างมาตรา 66)
21) กำหนดให้มีคณะกรรมการบริหารคลองไทย มีหน้าที่และอำนาจในการแต่งตั้ง ถอดถอนผู้บริหาร กำหนดเงินเดือนและค่าตอบแทนอื่น ๆ ของผู้บริหาร รองผู้บริหาร และผู้ตรวจการของสำนักงานเลขาธิการคณะกรรมการบริหารคลองไทย ดำเนินตามนโยบาย แผนการ หรือโครงการของคณะกรรมการนโยบาย สร้างขีดความสามารถในการแข่งขันและสร้างผลกำไรของคลองไทยกำกับดูแลการปฏิบัติงานของเลขาธิการคณะกรรมการบริหารคลองไทย ออกระเบียบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับภารกิจ (ร่างมาตรา 67 ร่างมาตรา 68 ร่างมาตรา 71 ร่างมาตรา 76 แสะร่างมาตรา 77)
22) กำหนดให้จัดตั้งนครระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้เป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ นับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ มีฐานะเป็นนิติบุคคล ดำเนินการโดยสภานครและนายกนคร อายุของสภานครกำหนดคราวละสี่ปีนับแต่วันเลือกตั้ง สมาชิกภาพของสมาชิกเริ่มตั้งแต่วันเลือกตั้ง (ร่างมาตรา 79 ถึง ร่างมาตรา 83)
23) กำหนดให้สภานครเลือกสมาชิกเป็นประธานสภานครคนหนึ่งและรองประธานสภานครจำนวนสองคน แล้วเสนอนายกรัฐมนตรีแต่งตั้ง ประธานสภานครมีหน้าที่ดำเนินการประชุมและดำเนินกิจการอื่นให้เป็นไปตามข้อบังคับนคร ให้มีปลัดนครทำหน้าที่แลขานุการสภานคร มีหน้าที่รับผิดชอบงานธุรการและการจัดประชุมและงานอื่นใดตามที่สภานครมอบหมาย (ร่างมาตรา 88ร่างมาตรา 92 และร่างมาตรา 94)
24) กำหนดให้นครระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้มีนายกนครคนหนึ่งซึ่งเลือกตั้งโดยราษฎรผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตนคร โดยวิธีออกเสียงลงคะแนนโดยตรงและลับ มีวาระอยู่ในตำแหน่งคราวละสี่ปีนับแต่วันเลือกตั้ง แต่จะดำรงตำแหน่งติดต่อกันเกินสองวาระไม่ได้ มีอำนาจหน้าที่ในการกำหนดนโยบายและรับผิดชอบการบริหารราชการของนครให้เป็นไปตามกฎหมาย ข้อบัญญัติ และนโยบายของคณะกรรมการนโยบาย (ร่างมาตรา 107 ร่างมาตรา 109 และร่างมาตรา 112)
25) กำหนดให้นายกนครควบคุมและรับผิดชอบในการบริหารกิจการของนครและเป็นผู้บังคับบัญชาพนักงานนครและลูกจ้างนคร โดยนครแบ่งส่วนราชการเป็นสำนักปลัดนคร และ
ส่วนราชการอื่น ตามที่นายกนครประกาศกำหนดโดยความเห็นชอบของนายกรัฐมนตรี และให้มีปลัดนครคนหนึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาพนักงานนครและลูกจ้างนครรองจากนายกนคร รับผิดชอบควบคุมดูแลราชการประจำของนครให้เป็นไปตามนโยบาย (ร่างมาตรา 118 ถึงร่างมาตรา 120)
26) กำหนดให้นายกนคร รองนายกนครและพนักงานนครเป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญาในการปฏิบัติหน้าที่ (ร่างมาตรา 125)
27) กำหนดให้นครมีอำนาจหน้าที่ดำเนินการในเขตนครในเรื่องต่าง ๆ เช่น การรักษาความสงบเรียบร้อย การส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ การคุ้มครองและดูแลรักษาทรัพย์สินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน การวางผังเมือง การจัดการเกี่ยวกับที่อยู่อาศัย การจัดการจราจร โดยให้พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวมีฐานะเป็นพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ร่างมาตรา 126 และร่างมาตรา 127)
28) กำหนดให้นครมีอำนาจตราข้อบัญญัติ ซึ่งจะกำหนดโทษจำคุกหรือโทษปรับหรือทั้งจำและปรับผู้ละเมิดข้อบัญญัติด้วยก็ได้ แต่จะกำหนดโทษจำคุกเกินหกเดือนและโทษปรับเกินหนึ่งหมื่นบาทไม่ได้ (ร่างมาตรา 134)
29) กำหนดให้ร่างข้อบัญญัติจะเสนอได้ก็แต่โดยนายกนคร สมาชิกสภานคร หรือราษฎรผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตนคร ตามกฎหมายว่าด้วยการเข้าชื่อเสนอข้อบัญญัติท้องถิ่น ในกรณี
ร่างข้อบัญญัติเกี่ยวกับการเงิน สมาชิกจะเสนอได้ต่อเมื่อมีคำรับรองของนายกนคร ให้ประธานสภานครส่งร่างข้อบัญญัตินั้นให้นายกรัฐมนตรีหรือผู้ที่นายกรัฐมนตรีมอบหมายพิจารณา ถ้านายกรัฐมนตรีไม่เห็นขอบด้วยแต่สภานครมีมติยืนยันด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสองในสามของสมาชิกเท่าที่มีอยู่ ให้ประธานสภานครแจ้งให้นายกรัฐมนตรีทราบและส่งร่างข้อบัญญัตินั้นให้นายกนครลงนามใช้บังคับเป็นข้อบัญญัติต่อไป (ร่างมาตรา 135 และร่างมาตรา 141)
30) กำหนดให้นครจัดเก็บภาษีบำรุงท้องที่ ภาษีโรงเรือนและที่ดิน ภาษีป้าย และอากรการฆ่าสัตว์และค่าธรรมเนียมรวมถึงผลประโยชน์อื่นอันเกิดจากการฆ่าสัตว์ในเขตนคร เป็นรายได้ของนคร และให้นครมีอำนาจออกข้อบัญญัติเก็บภาษีอากรและค่าธรรมเนียม ตลอดจนภาษีมูลค่าเพิ่ม(ร่างมาตรา 144 ร่างมาตรา 146 และร่างมาตรา 147)
31) กำหนดให้นครสามารถมีรายได้อื่นได้ แต่ต้องได้รับความเห็นชอบจากกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงการคลังร่วมกัน (ร่างมาตรา 153)
32) กำหนดให้นครมีรายจ่าย ได้แก่ เงินเดือน ค่าจ้าง ค่าตอบแทน ค่าใช้สอย ค่าวัสดุค่าครุภัณฑ์ ค่าที่ดินและสิ่งก่อสร้าง เงินอุดหนุน รายจ่ายตามข้อผูกพัน และรายจ่ายอื่นตามที่กฎหมายบัญญัติหรือข้อบัญญัติกำหนด (ร่างมาตรา 155)
33) กำหนดให้การจ่ายเงินของนคร ให้เป็นไปตามที่ได้อนุญาตไว้ในข้อบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีหรือข้อบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม การจ่ายเงินที่มิได้อนุญาตไว้ในข้อบัญญัติงบประมาณรายจ่ายดังกล่าว ให้กระทำได้เฉพาะเมื่อเป็นกรณีฉุกเฉินและจำเป็น แต่ต้องรายงานให้สภานครทราบในการประชุมครั้งแรก และงบประมาณรายจ่ายที่ตั้งไว้เพื่อการใดจะโอนไปเพื่อใช้จ่ายสำหรับการอื่นไม่ได้เว้นแต่จะมีข้อบัญญัติให้โอนได้ (ร่างมาตรา 156)
34) กำหนดให้นายกรัฐมนตรีมีอำนาจหน้าที่กำกับดูแลการปฏิบัติราชการของนายกนครโดยนายกรัฐมนตรีมีอำนาจสั่งสอบสวนข้อเท็จจริงหรือสั่งให้นายกนครชี้แจงแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการปฏิบัติราชการได้ คำวินิจฉัยของนายกรัฐมนตรีให้เป็นที่สุด และเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของประชาชนในเขตนครหรือประโยชน์ของประเทศ นายกรัฐมนตรีจะสั่งยุบสภานครก็ได้ (ร่างมาตรา 158 ร่างมาตรา 159 และร่างมาตรา 162)
35) กำหนดให้ในวาระเริ่มแรก ให้มีคณะกรรมการนโยบายที่มาจากคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการขุดคลองไทยและการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ สภาผู้แทนราษฎร และบุคลากรที่ได้รับการแต่งตั้งหรือเคยได้รับการแต่งตั้งจากประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญดังกล่าวให้ดำรงตำแหน่งเป็นคณะกรรมการนโยบายจำนวนยี่สิบเจ็ดคน โดยให้คณะกรรมาธิการวิสามัญดังกล่าวเป็นผู้คัดเลือกกันเองโดยให้ดำรงตำแหน่งไปจนกว่าการขุดคลองไทยจะแล้วเสร็จ (ร่างมาตรา 164)
36) กำหนดให้คณะกรรมการนโยบายแต่งตั้งกรรมการบริหารคลองไทยจำนวนยี่สิบเจ็ดคนโดยพิจารณาคัดเลือกจากคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจาณาศึกษาการขุดคลองไทยและการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ สภาผู้แทนราษฎร และบุคลากรที่ได้รับการแต่งตั้งหรือได้รับการแต่งตั้งจากประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายในหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัติฉบับนี้มีผลใช้บังคับ และให้กรรมการบริหารคลองไทยดำรงตำแหน่งไปจนกว่าการขุดคลองไทยจะแล้วเสร็จ (ร่างมาตรา 166)
1. นายกรัฐมนตรี
2. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
3. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
4. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
5. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
6. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
7. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
8. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
9. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
10. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
11. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
12. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
13. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
14. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
15. กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น
16. กรมโยธาธิการและผังเมือง
17. สำนักงานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
18. สำนักงบประมาณ
19. สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
20. สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย
21. สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
22. สมาคมธนาคารไทย
23. ประชาชนในจังหวัดกระบี่ ตรัง นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา
24. องค์การบริหารส่วนจังหวัดในจังหวัดกระบี่ ตรัง นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา
25. คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
26. คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการขุดคลองไทยและการพัฒนาพื้นที่ระเบียง