สถานะ : ปิดรับฟังความคิดเห็น รายงานผลการรับฟังความคิดเห็น รอคำรับรองจากนายกรัฐมนตรี
ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมระบบสวัสดิการของชุมชน พ.ศ. ....
ประเภทร่าง เสนอโดยประชาชน เป็นร่างการเงิน
เสนอโดย นายแก้ว สังข์ชู กับคณะผู้ริเริ่ม และประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จำนวน 13,739 คน
ข้อมูลประกอบการพิจารณา

 

โดยที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 43 (4) กำหนดให้บุคคลและชุมชนมีสิทธิจัดให้มีระบบสวัสดิการของชุมชนรวมทั้งมีสิทธิที่จะร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหรือรัฐในการดำเนินการดังกล่าวด้วย ขณะที่ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548 จนถึงปัจจุบัน ชุมชนทั่วประเทศได้มีการจัดตั้งกองทุนสวัสดิการชุมชนในระดับตำบลขึ้น เพื่อดำเนินการจัดสวัสดิการที่หลากหลายให้แก่สมาชิกโดยความสมัครใจเป็นการสร้างหลักประกันความมั่นคงและการช่วยเหลือเกื้อกูลกันของชุมชน ซึ่งเป็นรากฐานของชุมชนเข็มแข็ง ภายใต้หลักการ “ให้อย่างมีคุณค่า รับอย่างมีศักดิ์ศรี” ดังนั้น เพื่อให้การรับรองสิทธิของบุคคลและชุมชนตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยดังกล่าวเกิดผลในทางปฏิบัติ และเพื่อส่งเสริมสนับสนุนให้ประชาชนและองค์กรชุมชนมีส่วนร่วมและมีบทบาทในการพัฒนาความเข็มแข็งของชุมชนและสังคมให้มีความมั่นคงในชีวิตและลดความเหลื่อมล้ำในสังคม จึงควรมีกฎหมายส่งเสริมสนับสนุนและรองรับสถานภาพทางกฎหมายและการดำเนินงานของกองทุนสวัสดิการชุมชนในการจัดระบบสวัสดิการของชุมชน จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้

สาระสำคัญ 

            1. กำหนดให้บุคคลและชุมชนย่อมมีสิทธิจัดให้มีระบบสวัสดิการของชุมชนขึ้นโดยสมัครใจเพื่อตอบสนองความต้องการการแก้ไขปัญหาและการพัฒนาคุณภาพชีวิตของสมาชิก บนพื้นฐานของการพึ่งตนเองและการช่วยเหลือเกื้อกูล โดยสมาชิกมีส่วนร่วมสมทบเงินหรือทรัพย์สินจัดตั้งเป็นกองทุนสวัสดิการชุมชน กองทุนสวัสดิการชุมชนใดจะจัดสวัสดิการประเภทใดให้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจร่วมกันของสมาชิก โดยพิจารณาจากปัญหาและความต้องการของสมาชิก สถานะทางการเงิน ความสามารถในการบริหารจัดการและความยั่งยืนของกองทุนสวัสดิการชุมชนด้วย ระบบสวัสดิการของชุมชน มีวัตถุประสงค์ ดังนี้

                 (1)  สนับสนุนและส่งเสริมให้บุคคลและชุมชนร่วมมือช่วยเหลือเกื้อกูลกันสร้างสวัสดิการให้กับประชาชนในชุมชนเพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี

                 (2)  สนับสนุนและส่งเสริมการสร้างหลักประกันความมั่นคงของประชาชนในชุมชน

                 (3)  เสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนจากฐานราก

                 (4)  บูรณาการการจัดสวัสดิการของหน่วยงานต่าง ๆ ในพื้นที่ โดยชุมชนเป็นแกนหลัก
(ร่างมาตรา 5)

            2. กำหนดให้ภายใต้กรอบวัตถุประสงค์ตามมาตรา 5 กองทุนสวัสดิการชุมชนอาจจะประกอบกิจกรรมอย่างหนึ่งอย่างใดดังนี้

                (1)   สร้างวินัยการประหยัด จิตสำนึกแบ่งปันช่วยเหลือซึ่งกันและกันของประชาชนในชุมชนเพื่อประโยชน์สู่การพึ่งตนเองและการพึ่งพาซึ่งกันและกันในฐานะที่เป็นทั้งผู้ให้และผู้รับความช่วยเหลือ

                (2)   จัดกิจกรรมสวัสดิการที่หลากหลายเพื่อช่วยเหลือปัญหาเฉพาะหน้าและการสนับสนุนการมีคุณภาพชีวิตที่ดีของสมาชิกตั้งแต่เกิดจนตาย

                (3)   ส่งเสริมความมั่งคงในอาชีพและรายได้ของสมาชิกและเศรษฐกิจฐานรากของชุมชน

                (4)   ส่งเสริมให้สมาชิก ปกป้อง รักษา ฟื้นฟูภูมิปัญหาวิถีชีวิตที่ดีงามและทุนทางสังคม ตลอดจนอนุรักษ์ขนบธรรมเนียมประเพณี ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของชุมชนให้คงอยู่อย่างยั่งยืน

                (5)   สร้างระบบการเชื่อมโยงทรัพยากรเพื่อการจัดสวัสดิการของกองทุนสวัสดิการชุมชน
และกิจกรรมด้านการพัฒนาความเข้มแข็งของชุมชน

                (6) สนับสนุนให้ประชาชนในชุมชนมีโอกาสเข้าถึงระบบสวัสดิการทางสังคมและระบบสวัสดิการของชุมชน

                (ึ7)   พัฒนาองค์ความรู้เกี่ยวกับ คุณภาพชีวิต สวัสดิภาพ และสวัสดิการของและประชาชน
ในชุมชน (ร่างมาตรา 6)

            3. กำหนดให้กองทุนสวัสดิการที่ได้จดทะเบียนแล้วมีฐานะเป็นนิติบุคคลมีอำนาจ ก่อตั้งสิทธิหรือทำนิติกรรมใด ๆ ภายใต้วัตถุประสงค์ และดำเนินกิจกรรม (ร่างมาตรา 9)

            4. กำหนดให้ทุนและทรัพย์สินในการดำเนินการของกองทุนสวัสดิการชุมชนอาจประกอบด้วย

                (1)   เงินสมทบจากสมาชิก

                (2)   เงินสนับสนุนจากมาตรา 36

                (3)   เงินหรือทรัพย์สินอื่นที่ได้รับบริจาค

                (4)   เงินสนับสนุนจากภาคเอกชน

                (5)   ดอกผล รายได้ หรือผลประโยชน์ที่เกิดจากเงินหรือทรัพย์สินของกองทุนสวัสดิการชุมชน

                (6)   ผลประโยชน์จากการแบ่งปันการจัดการทรัพยากรธรรมชาติหรือวัฒนธรรมของชุมชน

                (ึ7)   เงินสนับสนุนตามโครงการความร่วมมือจากแหล่งอื่นทั้งในและต่างประเทศ
(ร่างมาตรา 11)

            5. กำหนดให้มีคณะกรรมการส่งเสริมระบบสวัสดิการของชุมชนแห่งชาติ เรียกโดยย่อว่า “กสสช.” ประกอบด้วย

                (1)   นายกรัฐมนตรี หรือรองนายกรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมาย เป็นประธาน

                (2)   กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิมาจากการเลือกของ (5) และ (6) เป็นรองประธานกรรมการคนที่สอง

                (3)   รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นรองประธานกรรมการคนที่สอง

           (4)   กรรมการโดยตำแหน่ง ได้แก่ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ผู้แทนกระทรวงสาธารณสุข ประธานกรรมการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน

                (5)   ผู้แทนกองทุนสวัสดิการชุมชน จำนวนหกคน เป็นกรรมการ

                (6)   กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านกฎหมาย ด้านการเงินหรือเศรษฐศาสตร์ ด้านสื่อสารมวลชน ภาคประชาสังคมภาคเอกชนด้านละหนึ่งคน และผู้แทนวิทยาลัยพัฒนาศาสตร์ ป่วย อึ๊งภากรณ์ มหาวิยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นผู้ทรงคุณวุฒิด้านการพัฒนา

                ให้ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) เป็นกรรมการและเลขานุการและให้ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) แต่งตั้งเจ้าหน้าที่ ไม่เกินสองคน เป็นผู้ช่วยเลขานุการหลักเกณฑ์และวิธีการได้มาซึ่งกรรมการให้เป็นไปตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด (ร่างมาตรา 12)

            6. กำหนดให้คณะกรรมการมีหน้าที่และอำนาจ ดังต่อไปนี้

                (1) พิจารณาให้ความเห็นชอบแผนแม่บทการส่งเสริมระบบสวัสดิการของชุมชนตามมาตรา 21 (1)

                (2) เสนอแนะและให้ความเห็นต่อคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับนโยบายการจัดระบบสวัสดิการของชุมชน

                (3) เสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรีให้มีหรือแก้ไขกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ หรือ
มติคณะรัฐมนตรีให้เอื้ออำนวยต่อการส่งเสริมสวัสดิการของชุมชน

                (4)   เสนอแนะมาตรการด้านการเงิน การคลัง การภาษีอากร หรือด้านอื่นเพื่อส่งเสริมระบบสวัสดิการของชุมชน ต่อคณะรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรี      

           (5)   ประสานนโยบายและแผน สร้างความร่วมมือกับส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องในการส่งเสริมระบบสวัสดิการของชุมชน

                (6)   กำหนดมาตรการส่งเสริม สนับสนุนการจัดตั้งและพัฒนาความเข้มแข็งของกองทุนสวัสดิการชุมชนเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ของระบบสวัสดิการของชุมชน

                (ึ7)   วางระเบียบว่าด้วยการจัดสรรงบประมาณสมทบกองทุนสวัสดิการชุมชน ในกรณีที่รัฐบาลมีนโยบาย

                (8)   ดำเนินการอื่น ๆ ตามที่คณะรัฐมนตรีมอบหมาย หรือกฎหมายอื่นบัญญัติ  ให้เป็นหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการ (ร่างมาตรา 19)

            ึ7. กำหนดให้สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) เป็นฝ่ายเลขานุการ
และให้มีหน้าที่และอำนาจ ดังต่อไปนี้

                (1)   จัดทำแผนแม่บทการส่งเสริมระบบสวัสดิการของชุมชนเสนอคณะกรรมการพิจารณา

                (2)   รวบรวมข้อมูล ศึกษา วิจัยและพัฒนา เกี่ยวกับการส่งเสริมระบบสวัสดิการของชุมชน

                (3)   เป็นหน่วยงานในการ ประสานงาน เผยแพร่ และประชาสัมพันธ์ งานหรือกิจกรรมเกี่ยวกับการจัดระบบสวัสดิการของชุมชน  

                (4)   ประสานงานและร่วมมือกับหน่วยงานราชการทั้งส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค  ส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ องค์กรของรัฐอื่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและภาคเอกชน ในการส่งเสริมสนับสนุนจัดระบบสวัสดิการของชุมชนตามพระราชบัญญัตินี้และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง

                (5)   จัดทำฐานข้อมูล สถิติ แผนงาน และโครงการ เกี่ยวกับการจัดระบบสวัสดิการของชุมชน

                (6)   รับรองการจดแจ้งสถานภาพกองทุนสวัสดิการของชุมชน และจดทะเบียนกองทุนสวัสดิการของชุมชนนิติบุคคล

                (ึ7)   จัดทำทะเบียนกลางเกี่ยวกับการจดแจ้งสถานภาพกองทุนสวัสดิการของชุมชนและการจดทะเบียนกองทุนสวัสดิการของชุมชนนิติบุคคล การยุบเลิก การยุบรวม กองทุนสวัสดิการของชุมชน

                (8)   สนับสนุน ส่งเสริมการสร้างความเข้มแข็งให้แก่กองทุนสวัสดิการของชุมชน

                (9)   รับผิดชอบงานธุรการของคณะกรรมการ และคณะอนุกรรมการซึ่งคณะกรรมการแต่งตั้ง

              (10)   รายงานผลการปฏิบัติงานประจำปีของสำนักงานเสนอต่อคณะกรรมการ และเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ต่อสาธารณะ

              (11)   ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่คณะกรรมการมอบหมาย (ร่างมาตรา 21)

            8. กำหนดให้มีคณะกรรมการสนับสนุนการขับเคลื่อนระบบสวัสดิการของชุมชน ระดับจังหวัด เรียกโดยย่อว่า “คสสจ.” ประกอบด้วย

                (1)   ผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นประธานกรรมการ

                (2)   ผู้แทนกองทุนสวัสดิการของชุมชนในพื้นที่จังหวัดที่คัดเลือกกันเองจำนวนหนึ่งคน
เป็นรองประธานกรรมการ

                (3)   กรรมการโดยตำแหน่ง ได้แก่ พัฒนาการชุมชนจังหวัด นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด เกษตรจังหวัด ผู้แทนสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด

                (4)   ผู้แทนกองทุนสวัสดิการชุมชนในพื้นที่จังหวัดซึ่งคัดเลือกกันเอง จำนวนหกคนเป็นกรรมการ

                (5)   กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดแต่งตั้งโดยคำแนะนำของเครือข่ายสวัสดิการชุมชน-จำนวนไม่เกินห้าคน โดยแต่งตั้งจากผู้ทรงคุณวุฒิในสถาบันการศึกษาในจังหวัด ผู้บริหารองค์การบริหารท้องถิ่น ผู้ประกอบวิชาชีพทางกฎหมาย ผู้แทนองค์กรภาคธุรกิจ หรือสภาองค์กรชุมชน

                (6)   ผู้แทนกองทุนสวัสดิการชุมชนที่เป็นกรรมการตาม (4) จำนวนหนึ่งคน และพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด เป็นกรรมการและเลขานุการร่วม

                ให้ประธานกรรมการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ของสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดจำนวนหนึ่งคนและจากกองทุนสวัสดิการชุมชนภายในพื้นที่จังหวัด จำนวนหนึ่งคน เป็นผู้ช่วยเลขานุการ

                หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการเลือกและการพ้นจากตำแหน่งของรองประธานกรรมการผู้แทนกองทุนสวัสดิการชุมชน และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ให้เป็นไปตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด (ร่างมาตรา 22)

            9. กำหนดให้สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดรับผิดชอบในงานธุรการของ คสสจ. และให้มีหน้าที่และอำนาจภายในเขตพื้นที่ของจังหวัด ดังต่อไปนี้

                (1) รับคำขอรับรองสถานภาพของกองทุนสวัสดิการชุมชน และคับคำร้องขอยุบเลิกกองทุนสวัสดิการชุมชนเพื่อส่ง คสสจ.

                (2) รวบรวมข้อมูล สถิติ แผนงาน และโครงการ เกี่ยวกับการจัดสวัสดิการชุมชนเพื่อส่งให้สำนักงานประมวลผล

                (3) เป็นศูนย์กลาง ประสานงาน เผยแพร่ และประชาสัมพันธ์ งานหรือกิจกรรมเกี่ยวกับ
การจัดสวัสดิการของกองทุนสวัสดิการชุมชนในจังหวัด

                (4) จัดการประชุม คสสจ.

                (5) ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่ คสสจ. มอบหมาย

                การดำเนินงานตามมาตรานี้ให้มีส่วนร่วมจากผู้แทนกองทุนสวัสดิการชุมชน ใน คสสจ. ด้วย (ร่างมาตรา 31)

            10. กำหนดให้ส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ส่งเสริม สนับสนุน การจัดระบบสวัสดิการของชุมชน ตามพระราชบัญญัตินี้

                  เพื่อประโยชน์ในการส่งเสริมระบบสวัสดิการของชุมชน ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น             มีหน้าที่ส่งเสริมและสนับสนุนการดำเนินงานกองทุนสวัสดิการชุมชนตามที่เห็นสมควร (ร่างมาตรา 36)

           11. กำหนดให้กรณีที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใดส่งเสริมสนับสนุนกองทุนสวัสดิการของชุมชนเป็นเงินอุดหนุนจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีอำนาจออกข้อบัญญัติท้องถิ่นเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการให้การสมทบและอุดหนุนงบประมาณ (ร่างมาตรา 3ึ7)

ผู้ที่เกี่ยวข้อง

1) สำนักนายกรัฐมนตรี

2) กระทรวงมหาดไทย

    2.1 สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย

    2.2 อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น              

    2.3 อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน

3) กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

4) สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง

5) กระทรวงสาธารณสุข

6) สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน)

7) ประชาชนทั่วไป

ประเด็นเพื่อรับฟังความคิดเห็น

1. ท่านเห็นด้วยหรือไม่กับการกำหนดให้บุคคลและชุมชนย่อมมีสิทธิจัดให้มีระบบสวัสดิการของชุมชนขึ้นโดยสมัครใจ เพื่อตอบสนองความต้องการการแก้ไขปัญหาและการพัฒนาคุณภาพชีวิตของสมาชิก บนพื้นฐานของการพึ่งตนเองและการช่วยเหลือเกื้อกูล โดยสมาชิกมีส่วนร่วมสมทบเงินหรือทรัพย์สินจัดตั้งเป็นกองทุนสวัสดิการชุมชน กองทุนสวัสดิการชุมชนใดจะจัดสวัสดิการประเภทใดให้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจร่วมกันของสมาชิก โดยพิจารณาจากปัญหาและความต้องการของสมาชิก สถานะทางการเงิน ความสามารถในการบริหารจัดการและความยั่งยืนของกองทุนสวัสดิการชุมชนด้วย

                 ระบบสวัสดิการของชุมชน มีวัตถุประสงค์ ดังนี้

                 (1)  สนับสนุนและส่งเสริมให้บุคคลและชุมชนร่วมมือช่วยเหลือเกื้อกูลกันสร้างสวัสดิการให้กับประชาชนในชุมชนเพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี

                 (2)  สนับสนุนและส่งเสริมการสร้างหลักประกันความมั่นคงของประชาชนในชุมชน

                 (3)  เสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนจากฐานราก

                 (4)  บูรณาการการจัดสวัสดิการของหน่วยงานต่าง ๆ ในพื้นที่ โดยชุมชนเป็นแกนหลัก
(ร่างมาตรา 5)

  2. ท่านเห็นด้วยหรือไม่กับการกำหนดให้ภายใต้กรอบวัตถุประสงค์ตามมาตรา 5 กองทุนสวัสดิการชุมชนอาจจะประกอบกิจกรรมอย่างหนึ่งอย่างใดดังนี้

                (1)   สร้างวินัยการประหยัด จิตสำนึกแบ่งปันช่วยเหลือซึ่งกันและกันของประชาชนในชุมชนเพื่อประโยชน์สู่การพึ่งตนเองและการพึ่งพาซึ่งกันและกันในฐานะที่เป็นทั้งผู้ให้และผู้รับความช่วยเหลือ

                (2)   จัดกิจกรรมสวัสดิการที่หลากหลายเพื่อช่วยเหลือปัญหาเฉพาะหน้าและการสนับสนุนการมีคุณภาพชีวิตที่ดีของสมาชิกตั้งแต่เกิดจนตาย

                (3)   ส่งเสริมความมั่งคงในอาชีพและรายได้ของสมาชิกและเศรษฐกิจฐานรากของชุมชน

                (4)   ส่งเสริมให้สมาชิก ปกป้อง รักษา ฟื้นฟูภูมิปัญหาวิถีชีวิตที่ดีงามและทุนทางสังคม ตลอดจนอนุรักษ์ขนบธรรมเนียมประเพณี ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของชุมชนให้คงอยู่อย่างยั่งยืน

                (5)   สร้างระบบการเชื่อมโยงทรัพยากรเพื่อการจัดสวัสดิการของกองทุนสวัสดิการชุมชน
และกิจกรรมด้านการพัฒนาความเข้มแข็งของชุมชน

                (ุ6) สนับสนุนให้ประชาชนในชุมชนมีโอกาสเข้าถึงระบบสวัสดิการทางสังคมและระบบสวัสดิการของชุมชน

                (7)   พัฒนาองค์ความรู้เกี่ยวกับ คุณภาพชีวิต สวัสดิภาพ และสวัสดิการของและประชาชน
ในชุมชน (ร่างมาตรา ุ6)

  3. ท่านเห็นด้วยหรือไม่กับการกำหนดให้กองทุนสวัสดิการที่ได้จดทะเบียนแล้วมีฐานะเป็นนิติบุคคล
มีอำนาจ ก่อตั้งสิทธิหรือทำนิติกรรมใด ๆ ภายใต้วัตถุประสงค์ และดำเนินกิจกรรม (ร่างมาตรา 9)

  4. ท่านเห็นด้วยหรือไม่กับการกำหนดให้ทุนและทรัพย์สินในการดำเนินการของกองทุนสวัสดิการชุมชนอาจประกอบด้วย

                (1)   เงินสมทบจากสมาชิก

                (2)   เงินสนับสนุนจากมาตรา 3ุ6

                (3)   เงินหรือทรัพย์สินอื่นที่ได้รับบริจาค

                (4)   เงินสนับสนุนจากภาคเอกชน

                (5)   ดอกผล รายได้ หรือผลประโยชน์ที่เกิดจากเงินหรือทรัพย์สินของกองทุนสวัสดิการชุมชน

                (ุ6)   ผลประโยชน์จากการแบ่งปันการจัดการทรัพยากรธรรมชาติหรือวัฒนธรรมของชุมชน

                (7)   เงินสนับสนุนตามโครงการความร่วมมือจากแหล่งอื่นทั้งในและต่างประเทศ
(ร่างมาตรา 11)

  5. ท่านเห็นด้วยหรือไม่กับการกำหนดให้มีคณะกรรมการส่งเสริมระบบสวัสดิการของชุมชนแห่งชาติ เรียกโดยย่อว่า “กสสช.” ประกอบด้วย

                (1)   นายกรัฐมนตรี หรือรองนายกรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมาย เป็นประธาน

                (2)   กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิมาจากการเลือกของ (5) และ (ุ6) เป็นรองประธานกรรมการคนที่สอง

                (3)   รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นรองประธานกรรมการคนที่สอง

                (4)   กรรมการโดยตำแหน่ง ได้แก่ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ผู้แทนกระทรวงสาธารณสุข ประธานกรรมการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน

                (5)   ผู้แทนกองทุนสวัสดิการชุมชน จำนวนหกคน เป็นกรรมการ

                (ุ6)   กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านกฎหมาย ด้านการเงินหรือเศรษฐศาสตร์ ด้านสื่อสารมวลชน ภาคประชาสังคมภาคเอกชนด้านละหนึ่งคน และผู้แทนวิทยาลัยพัฒนาศาสตร์ ป่วย อึ๊งภากรณ์ มหาวิยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นผู้ทรงคุณวุฒิด้านการพัฒนา

                ให้ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) เป็นกรรมการและเลขานุการและให้ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) แต่งตั้งเจ้าหน้าที่ ไม่เกินสองคน เป็นผู้ช่วยเลขานุการ

               หลักเกณฑ์และวิธีการได้มาซึ่งกรรมการให้เป็นไปตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด (ร่างมาตรา 12)

  ุ6. ท่านเห็นด้วยหรือไม่กับการกำหนดให้คณะกรรมการมีหน้าที่และอำนาจ ดังต่อไปนี้

                (1) พิจารณาให้ความเห็นชอบแผนแม่บทการส่งเสริมระบบสวัสดิการของชุมชนตามมาตรา 21 (1)

                (2) เสนอแนะและให้ความเห็นต่อคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับนโยบายการจัดระบบสวัสดิการของชุมชน

                (3) เสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรีให้มีหรือแก้ไขกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ หรือ
มติคณะรัฐมนตรีให้เอื้ออำนวยต่อการส่งเสริมสวัสดิการของชุมชน

                (4)   เสนอแนะมาตรการด้านการเงิน การคลัง การภาษีอากร หรือด้านอื่นเพื่อส่งเสริมระบบสวัสดิการของชุมชน ต่อคณะรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรี      

                (5)   ประสานนโยบายและแผน สร้างความร่วมมือกับส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องในการส่งเสริมระบบสวัสดิการของชุมชน

                (ุ6)   กำหนดมาตรการส่งเสริม สนับสนุนการจัดตั้งและพัฒนาความเข้มแข็งของกองทุนสวัสดิการชุมชนเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ของระบบสวัสดิการของชุมชน

                (7)   วางระเบียบว่าด้วยการจัดสรรงบประมาณสมทบกองทุนสวัสดิการชุมชน ในกรณีที่รัฐบาลมีนโยบาย

                (8)   ดำเนินการอื่น ๆ ตามที่คณะรัฐมนตรีมอบหมาย หรือกฎหมายอื่นบัญญัติ  ให้เป็นหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการ (ร่างมาตรา 19)

  7. ท่านเห็นด้วยหรือไม่กับการกำหนดให้สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) เป็นฝ่ายเลขานุการและให้มีหน้าที่และอำนาจ ดังต่อไปนี้

                (1)   จัดทำแผนแม่บทการส่งเสริมระบบสวัสดิการของชุมชนเสนอคณะกรรมการพิจารณา

                (2)   รวบรวมข้อมูล ศึกษา วิจัยและพัฒนา เกี่ยวกับการส่งเสริมระบบสวัสดิการของชุมชน

                (3)   เป็นหน่วยงานในการ ประสานงาน เผยแพร่ และประชาสัมพันธ์ งานหรือกิจกรรมเกี่ยวกับการจัดระบบสวัสดิการของชุมชน  

                (4)   ประสานงานและร่วมมือกับหน่วยงานราชการทั้งส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค  ส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ องค์กรของรัฐอื่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและภาคเอกชน ในการส่งเสริมสนับสนุนจัดระบบสวัสดิการของชุมชนตามพระราชบัญญัตินี้และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง

                (5)   จัดทำฐานข้อมูล สถิติ แผนงาน และโครงการ เกี่ยวกับการจัดระบบสวัสดิการของชุมชน

                (ุ6)   รับรองการจดแจ้งสถานภาพกองทุนสวัสดิการของชุมชน และจดทะเบียนกองทุนสวัสดิการของชุมชนนิติบุคคล

                (7)   จัดทำทะเบียนกลางเกี่ยวกับการจดแจ้งสถานภาพกองทุนสวัสดิการของชุมชนและการจดทะเบียนกองทุนสวัสดิการของชุมชนนิติบุคคล การยุบเลิก การยุบรวม กองทุนสวัสดิการของชุมชน

                (8)   สนับสนุน ส่งเสริมการสร้างความเข้มแข็งให้แก่กองทุนสวัสดิการของชุมชน

                (9)   รับผิดชอบงานธุรการของคณะกรรมการ และคณะอนุกรรมการซึ่งคณะกรรมการแต่งตั้ง

              (10)   รายงานผลการปฏิบัติงานประจำปีของสำนักงานเสนอต่อคณะกรรมการ และเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ต่อสาธารณะ

              (11)   ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่คณะกรรมการมอบหมาย (ร่างมาตรา 21)

  8. ท่านเห็นด้วยหรือไม่กับการกำหนดให้มีคณะกรรมการสนับสนุนการขับเคลื่อนระบบสวัสดิการของชุมชน ระดับจังหวัด เรียกโดยย่อว่า “คสสจ.” ประกอบด้วย

                (1)   ผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นประธานกรรมการ

                (2)   ผู้แทนกองทุนสวัสดิการของชุมชนในพื้นที่จังหวัดที่คัดเลือกกันเองจำนวนหนึ่งคน
เป็นรองประธานกรรมการ

                (3)   กรรมการโดยตำแหน่ง ได้แก่ พัฒนาการชุมชนจังหวัด นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด เกษตรจังหวัด ผู้แทนสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด

                (4)   ผู้แทนกองทุนสวัสดิการชุมชนในพื้นที่จังหวัดซึ่งคัดเลือกกันเอง จำนวนหกคนเป็นกรรมการ

                (5)   กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดแต่งตั้งโดยคำแนะนำของเครือข่ายสวัสดิการชุมชน-จำนวนไม่เกินห้าคน โดยแต่งตั้งจากผู้ทรงคุณวุฒิในสถาบันการศึกษาในจังหวัด ผู้บริหารองค์การบริหารท้องถิ่น ผู้ประกอบวิชาชีพทางกฎหมาย ผู้แทนองค์กรภาคธุรกิจ หรือสภาองค์กรชุมชน

                (ุ6)   ผู้แทนกองทุนสวัสดิการชุมชนที่เป็นกรรมการตาม (4) จำนวนหนึ่งคน และพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด เป็นกรรมการและเลขานุการร่วม

                ให้ประธานกรรมการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ของสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดจำนวนหนึ่งคนและจากกองทุนสวัสดิการชุมชนภายในพื้นที่จังหวัด จำนวนหนึ่งคน เป็นผู้ช่วยเลขานุการ

                หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการเลือกและการพ้นจากตำแหน่งของรองประธานกรรมการผู้แทนกองทุนสวัสดิการชุมชน และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ให้เป็นไปตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด (ร่างมาตรา 22)

  9. ท่านเห็นด้วยหรือไม่กับการกำหนดให้สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดรับผิดชอบในงานธุรการของ คสสจ. และให้มีหน้าที่และอำนาจภายในเขตพื้นที่ของจังหวัด ดังต่อไปนี้

                (1) รับคำขอรับรองสถานภาพของกองทุนสวัสดิการชุมชน และคับคำร้องขอยุบเลิกกองทุนสวัสดิการชุมชนเพื่อส่ง คสสจ.

                (2) รวบรวมข้อมูล สถิติ แผนงาน และโครงการ เกี่ยวกับการจัดสวัสดิการชุมชนเพื่อส่งให้สำนักงานประมวลผล

                (3) เป็นศูนย์กลาง ประสานงาน เผยแพร่ และประชาสัมพันธ์ งานหรือกิจกรรมเกี่ยวกับ
การจัดสวัสดิการของกองทุนสวัสดิการชุมชนในจังหวัด

                (4) จัดการประชุม คสสจ.

                (5) ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่ คสสจ. มอบหมาย

                การดำเนินงานตามมาตรานี้ให้มีส่วนร่วมจากผู้แทนกองทุนสวัสดิการชุมชน ใน คสสจ. ด้วย (ร่างมาตรา 31)

  10. ท่านเห็นด้วยหรือไม่กับการกำหนดให้ส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ส่งเสริม สนับสนุน การจัดระบบสวัสดิการของชุมชน ตามพระราชบัญญัตินี้

        เพื่อประโยชน์ในการส่งเสริมระบบสวัสดิการของชุมชน ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีหน้าที่ส่งเสริมและสนับสนุนการดำเนินงานกองทุนสวัสดิการชุมชนตามที่เห็นสมควร (ร่างมาตรา 3ุ6)

  11. ท่านเห็นด้วยหรือไม่กับการกำหนดให้กรณีที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใดส่งเสริมสนับสนุนกองทุนสวัสดิการของชุมชนเป็นเงินอุดหนุนจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีอำนาจออกข้อบัญญัติท้องถิ่นเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการให้การสมทบและอุดหนุนงบประมาณ (ร่างมาตรา 37)

  12. ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะอื่น ๆ (ถ้ามี)