ให้มีกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและพัฒนาองค์กรภาคประชาสังคม เนื่องจากองค์กรภาคประชาสังคม เกิดขึ้นจากการรวมตัวของประชาชนในลักษณะองค์กรกลุ่มเป็นหมู่คณะ เพื่อมีบทบาทในการช่วยเหลือคุ้มครองประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเด็ก สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ กลุ่มผู้ด้อยโอกาสอื่นให้ได้รับโอกาสความเสมอภาค ความเป็นธรรม การส่งเสริมให้ประชาชนมีบทบาทและส่วนร่วมทางการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข การมีส่วนร่วมกำหนดนโยบายสาธารณะทั้งในระดับชาติและระดับท้องถิ่น แต่สภาพปัญหาที่เกิดขึ้นกับองค์กรภาคประชาสังคม คือ ยังไม่มีกฎหมายที่จะสนับสนุน ส่งเสริม และสร้างความเข้มแข็งให้กับองค์ภาคประชาสังคม
ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาองค์กรภาคประชาสังคม พ.ศ. .... กำหนดให้มี “คณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาองค์กรภาคประชาสังคม” เพื่อทำหน้าที่ในการกำหนดนโยบาย ยุทธศาสตร์ แผนงานในการส่งเสริมและพัฒนาองค์กรภาคประชาสังคม ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการส่งเสริมและพัฒนาองค์กรภาคประชาสังคมต่อคณะรัฐมนตรี รัฐมนตรี ส่วนราชการ การเสนอแนะความเห็นเพื่อให้มีการปรับปรุงกฎหมาย กฎ ระเบียบ นโยบายในการส่งเสริมและพัฒนาองค์กรภาคประชาสังคม การส่งเสริม สนับสนุน พัฒนาศักยภาพขององค์กรภาคประชาสังคมให้เข้มแข็ง ในส่วนของฝ่ายธุรการของคณะกรรมการฯ ได้กำหนดให้มี “สำนักงานส่งเสริมและพัฒนาองค์กรภาคประชาสังคม” มีฐานะเป็นนิติบุคคล อยู่ในกำกับสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีหน้าที่สำคัญอย่างหนึ่งคือ เป็นหน่วยงานรับจดแจ้งองค์กรภาคประชาสังคม จัดทำทะเบียน และฐานข้อมูลองค์กรภาคประชาสังคม และเป็นผู้จัดให้มีการประชุมสมัชชาองค์กรภาคประชาสังคม สำหรับในช่วงแรกที่ยังไม่มีการตั้งสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาองค์กรภาคประชาสังคม ให้สำนักงานพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) เป็นสำนักงานชั่วคราว
ด้านการสนับสนุนค่าใช้จ่ายเพื่อการส่งเสริมและพัฒนาองค์กรภาคประชาสังคม กำหนดให้มี “กองทุนส่งเสริมและพัฒนาองค์กรภาคประชาสังคม” ในสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาองค์กรภาคประชาสังคม เพื่อเป็นกองทุนในการสนับสนุน ส่งเสริมการดำเนินงานขององค์กรภาคประชาสังคม โดยกองทุนมีรายได้จากแหล่งต่าง ๆ ที่กำหนด เช่น เงินอุดหนุนจากรัฐบาล เงินรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาลที่ไม่มีผู้เรียกร้อง เงินบริจาค ซึ่งบุคคลที่ได้บริจาคเงินให้กองทุนจะได้รับสิทธิประโยชน์ด้านภาษีอากรในการนำไปหักเป็นค่าใช้จ่ายหรือค่าลดหย่อนในการคำนวนเสียภาษีประจำปี
ด้านการส่งเสริมและพัฒนาองค์กรภาคประชาสังคม กำหนดให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นรัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ ต้องเสนอแผนปฏิบัติการต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติในส่วนขององค์กรภาคประชาสังคมที่มีอยู่หรือที่จะจัดตั้งขึ้น หากประสงค์จะได้รับการสนับสนุนหรือการส่งเสริมตามพระราชบัญญัตินี้จะต้องยื่นคำขอจดแจ้งต่อสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาองค์กรภาคประชาสังคม ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และแบบที่คณะกรรมการกำหนด องค์กรภาคประชาสังคมที่จดแจ้งแล้วนอกเหนือจากการได้รับการส่งเสริมสนับสนุน ยังได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีอากรในการได้รับสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินที่ได้รับการอุดหนุนจากกองทุน สำนักงานส่งเสริมและพัฒนาองค์กรภาคประชาสังคม หรือหน่วยงานของรัฐ