ร่างพระราชบัญญัติเงินบำนาญประชาชน พ.ศ. ....
ประเภทร่าง เสนอโดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เป็นร่างการเงิน
เสนอโดย นายประสงค์ บูรณ์พงศ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กับคณะเป็นผู้เสนอ
ข้อมูลประกอบการพิจารณา
โดยปัจจุบันผู้สูงอายุมีจำนวนเพิ่มขึ้น และมีอายุยืนยาว และเงินสวัสดิการที่รัฐให้เพื่อเป็นหลักประกันรายได้ของประชาชนในยามที่เป็นผู้สูงอายุมีให้ไม่เท่าเทียมกัน ดังนั้น การมีหลักประกันรายได้ถือเป็นสิทธิที่จำเป็น และจะต้องมีจำนวนที่เพียงพอต่อการดำรงชีวิตให้พึ่งตนเองได้ให้มีคุณภาพชีวิตด้วยสิทธิที่เสมอกัน ภายใต้หลักการสวัสดิการที่เป็นสิทธิอันพึงมีของประชาชนที่ไม่มีความแตกต่างเหลื่อมล้ำในระหว่างอาชีพของประชาชน จะทำให้เกิดความเป็นธรรมและมีความเป็นอยู่ที่ดี จึงสมควรที่รัฐจะจัดให้มีเงินบำนาญประชาชนเพื่อให้ประชาชนที่มีอายุหกสิบห้าปีขึ้นไปมีสิทธิได้รับเงินบำนาญประชาชนอย่างทั่วถึงและเท่าเทียมกัน จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ขึ้นเพื่อให้รัฐจ่ายเงินสวัสดิการที่เป็นหลักประกันรายได้ของประชาชนในยามที่เป็นผู้สูงอายุที่เท่าเทียมกัน
ข้อมูลประกอบการพิจารณา
- กำหนดให้กระทรวงการคลังจัดให้มีสำนักงานเรียกว่า สำนักงานบำนาญประชาชน เป็นหน่วยงานของรัฐ มีฐานะเป็นนิติบุคคล อยู่ภายใต้กำกับกระทรวงการคลัง
- ให้จัดตั้งกองทุนขึ้นกองทุนหนึ่งในสำนักงานบำนาญประชาชน เรียกว่า “กองทุนเงินบำนาญประชาชน” เพื่อเป็นทุนใช้จ่ายเงินบำนาญประชาชน สำหรับเป็นค่าครองชีพผู้สูงอายุที่มีอายุหกสิบห้าปีบริบูรณ์ขึ้นไป
- เงินบำนาญประชาชน คือ เงินรายเดือนเป็นบำนาญพื้นฐานที่รัฐจัดให้แก่ผู้สูงอายุสิบห้าปีบริบูรณ์ขึ้นไป โดยนำเงินจากกองทุนเงินบำนาญประชาชนที่รัฐจัดตั้งขึ้น
- กองทุนบำนาญประชาชน ประกอบด้วย
- เงินประเดิมที่รัฐบาลจัดสรรให้
- เงินได้รับจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี
- เงินหรือทรัพย์สินที่มีผู้รับบริจาคหรือมอบให้
- เงินอุดหนุนจากต่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ
- เงินหรือทรัพย์สินที่ตกเป็นของกองทุนหรือกองทุนได้รับตามกฎหมายหรือโดยนิติกรรมอื่น
- ดอกผลที่เกิดจากเงินหรือทรัพย์สินกองทุน
- ผู้ที่มีคุณสมบัติที่จะได้รับเงินบำนาญประชาชน ต้องเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามดังต่อไปนี้
- มีสัญชาติไทย
- มีอายุหกสิบห้าปีบริบูรณ์ขึ้นไป
- ไม่เป็นข้าราชการผู้มีสิทธิได้รับบำนาญ หรือผู้มีสิทธิได้รับบำนาญ ตามกฎหมายว่าด้วยบำเหน็จบำนาญข้าราชการ
- ไม่เป็นผู้ได้รับเงินบำนาญชราภาพจากกองทุนประกันสังคม ตามกฎหมายประกันสังคม
- ไม่เป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจ ที่ได้รับเงินบำนาญ
- ไม่เป็นผู้มีสิทธิได้รับบำนาญของรัฐตามกฎหมายอื่น
- การจ่ายเงินให้แก่ผู้มีสิทธิรับบำนาญประชาชนนั้น ให้จ่ายเป็นรายเดือน ๆ ละหนึ่งครั้ง ในอัตราเดือนละสามพันบาท โดยคณะกรรมการเงินบำนาญประชาชนมีอำนาจพิจารณาปรับปรุงจำนวนเงินบำนาญประชาชนในทุกสามปี
- ให้มีคณะกรรมการเงินบำนาญประชาชน ทำหน้าที่กำหนดนโยบายบำนาญประชาชน พิจารณากำหนดอัตราเงินบำนาญประชาชนทุกสามปี จัดทำแผนแม่บทบำนาญประชาชนทุกสามปี พิจารณาอนุมัติแผนงบประมาณประจำปี กำหนดวิธีการจ่ายเงินบำนาญประชาชน และกำกับติดตามและตรวจสอบการเบิกจ่ายเงินบำนาญประชาชน ฯลฯ
ผู้ที่เกี่ยวข้อง
- กระทรวงการคลัง
- กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
- สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
- สำนักงบประมาณ
- นักวิชาการ/ผู้เชี่ยวชาญด้านสวัสดิการ
- ประชาชนทั่วไป
ประเด็นเพื่อรับฟังความคิดเห็น
1. ท่านเห็นด้วยหรือไม่กับการกำหนดให้รัฐจัดให้มี “กองทุนเงินบำนาญประชาชน” เพื่อจ่ายเงินบำนาญให้ประชาชนในยามที่เป็นผู้สูงอายุ
2. ท่านเห็นด้วยหรือไม่กับการกำหนดให้ผู้สูงอายุที่มีอายุหกสิบห้าปีบริบูรณ์ขึ้นไปที่จะมีสิทธิได้รับเงินบำนาญประชาชนจะต้องไม่มีลักษณะต้องห้าม เช่น จะต้องไม่เป็นผู้มีสิทธิได้รับเงินบำนาญของรัฐตามกฎหมายอื่น หรือไม่เป็นผู้ได้รับเงินบำนาญชราภาพจากกองทุนประกันสังคม ตามกฎหมายประกันสังคม เป็นต้น
3. ท่านเห็นด้วยหรือไม่กับการกำหนดให้สำนักงานบำนาญประชาชนจ่ายเงินแก่ผู้มีสิทธิรับบำนาญประชาชนเป็นรายเดือน ในอัตราเดือนละสามพันบาท และให้มีการพิจารณาปรับปรุงจำนวนอัตราเงินบำนาญประชาชนในทุกสามปี