โดยที่พระราชบัญญัติองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก พ.ศ. 2510 ให้อำนาจแก่สภาทหารผ่านศึกในการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการให้การสงเคราะห์แก่ทหารผ่านศึก ครอบครัวทหารผ่านศึก และทหารผ่านศึกนอกประจำการ ซึ่งอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 11 เพื่อตราข้อบังคับสภาทหารผ่านศึกว่าด้วยการสงเคราะห์ ซึ่งใช้บังคับในปัจจุบันไม่ได้กำหนดให้ทหารผ่านศึกนอกประจำการ บัตรชั้นที่ 2 บัตรชั้นที่ 3 และบัตรชั้นที่ 4 มีสิทธิได้รับการสงเคราะห์เงินเลี้ยงชีพรายเดือน เงินช่วยเหลือเป็นค่าครองชีพพิเศษ เงินช่วยค่าครองชีพเพื่อผดุงเกียรติเป็นรายเดือน แต่อย่างใด ประกอบกับทหารผ่านศึกนอกประจำการดังกล่าวซึ่งปัจจุบันมีจำนวนทั้งสิ้น 267,000 คน ได้พ้นหน้าที่จากการรับใช้ประเทศชาติแล้วมีความเป็นอยู่ที่ยากจนข้นแค้นและยากลำบาก แม้จะได้รับการสงเคราะห์ในด้านอื่น ๆ จากองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกษาก็ตาม แต่ก็ยังไม่มีความเหมาะสมสอดคล้องกับค่าครองชีพในสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน ดังนั้น จึงสมควรกำหนดให้มีสิทธิได้รับการสงเคราะห์เงินเลี้ยงชีพรายเดือน เงินช่วยเหลือเป็นค่าครองชีพพิเศษ เงินช่วยค่าครองชีพเพื่อผดุงเกียรติเป็นรายเดือน รวมถึงสิทธิประโยชน์อื่นใด ในอัตราที่คำนึงถึงความจำเป็นและความเหมาะสมสอดคล้องกับค่าครองชีพตามสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน เพื่อความเป็นธรรมและผดุงเกียรติแก่ทหารผ่านศึกนอกประจำการผู้ซึ่งเคยปฏิบัติหน้าที่การสงครามหรือในการรบหรือป้องกันหรือปราบปรามการกระทำอันเป็นภัยต่อความมั่นคงหรือความปลอดภัยแห่งราชอาณาจักรไม่ว่าในหรือภายนอกราชอาณาจักร จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้
สาระสำคัญ
2.1 กำหนดให้บรรดากฎหมาย กฎ และข้อบังคับใด ๆ ในส่วนที่มีบัญญัติไว้แล้วในพระราชบัญญัตินี้หรือซึ่งขัดหรือแย้งกับบทแห่งพระราชบัญญัตินี้ ให้ใช้พระราชบัญญัตินี้แทน (ร่างมาตรา 3)
2.2 กำหนดให้ในการจัดทำข้อบังคับสภาทหารผ่านศึกว่าด้วยการสงเคราะห์ ให้กำหนดไว้ด้วยว่าทหารนอกประจำการในแต่ละประเภทตามที่กำหนดไว้มีสิทธิได้รับเงินเลี้ยงชีพรายเดือน เงินช่วยเหลือเป็นค่าครองชีพพิเศษ เงินช่วยค่าครองชีพเพื่อผดุงเกียรติเป็นรายเดือน รวมถึงสิทธิประโยชน์อื่นใด ในอัตราที่คำนึงถึงความจำเป็นและความเหมาะสมสอดคล้องกับค่าครองชีพตามสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน เพื่อความเป็นธรรม (ร่างมาตรา 4)
2.3 กำหนดให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ (ร่างมาตรา 5)