สถานะ : ปิดรับฟังความคิดเห็น รายงานผลการรับฟังความคิดเห็น พิจารณาแล้ว
ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองสิทธิและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมือง พ.ศ. ....
ประเภทร่าง เสนอโดยประชาชน เป็นร่างการเงิน
เสนอโดย นายสุริยัน ทองหนูเอียด กับคณะ
ข้อมูลประกอบการพิจารณา

ประเทศไทยเป็นสังคมพหุชาติพันธุ์และพหุวัฒนธรรม ประกอบด้วยกลุ่มชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมืองที่มีอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรม ภาษา วิถีชีวิต ภูมิปัญญา และความเชื่อตามจารีตประเพณีวัฒนธรรมเป็นของตนเอง มีการตั้งถิ่นฐานอยู่ตามภูมิภาคต่าง ๆ ได้แก่ กลุ่มตั้งถิ่นฐานบนพื้นที่สูง กลุ่มที่อาศัยตั้งถิ่นฐานบนเกาะแก่งหรือชายฝั่งซึ่งดำรงชีพด้วยการทำประมงและมีวิถีชีวิตพึ่งพาทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลกลุ่มที่อาศัยในป่าซึ่งดำรงชีวิตด้วยการล่าสัตว์และเก็บของป่า และกลุ่มที่ตั้งถิ่นฐานบนพื้นที่ราบซึ่งมีวิถีชีวิตกลมกลืนกับคนไทยทั่วไปแต่ยังคงอัตลักษณ์และวัฒนธรรมของตนเอง ซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ได้บัญญัติรับรองให้บุคคลย่อมเสมอกันในกฎหมาย มีสิทธิและเสรีภาพและได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายเท่าเทียมกันโดยไม่เลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมด้วยเหตุความแตกต่างทางเชื้อชาติ มีเสรีภาพบริบูรณ์ในการถือศาสนาและย่อมมีเสรีภาพในการปฏิบัติหรือประกอบพิธีกรรมตามหลักศาสนา
ของตน มีเสรีภาพในการเดินทางและการเลือกถิ่นที่อยู่ มีเสรีภาพในการประกอบอาชีพ มีเสรีภาพในการร่วมกันเป็นสมาคม สหกรณ์ ฟื้นฟู หรือส่งเสริมภูมิปัญญา ศิลปะ วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม และจารีตประเพณีอันดีงามทั้งของท้องถิ่นและของชาติ มีสิทธิจัดการ บำรุงรักษา และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และความหลากหลายทางชีวภาพอย่างสมดุลและยั่งยืน นอกจากนี้ ประเทศไทยยังให้การรับรองปฏิญญาสหประชาชาติว่าด้วยสิทธิชนเผ่าพื้นเมืองและปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน และยังให้สัตยาบันเป็นภาคีตามกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม และอนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติ อนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ รวมทั้งพันธกรณีระหว่างประเทศที่ผูกพันประเทศไทยต้องถือปฏิบัติด้วย เนื่องจากผลการพัฒนาประเทศไทยทางด้านเศรษฐกิจและสังคมจากอดีตถึงปัจจุบัน ส่งผลให้วิถีชีวิต อัตลักษณ์ทางวัฒนธรรม ประเพณี ภาษาดั้งเดิมของแต่ละกลุ่มชาติพันธุ์ได้เริ่มจางหายไปจากสังคมและยังถูกเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมด้วยเหตุความแตกต่างแห่งเชื้อชาติและภาษา ทำให้กลุ่มชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมืองในประเทศไทย ยังมีความด้อยสิทธิและไม่ได้รับการคุ้มครองสิทธิบางประการ เช่น การกำหนดสถานะของบุคคล การมีสิทธิอาศัยและใช้ประโยชน์ในที่ดินซึ่งมีการทับซ้อนกับพื้นที่อนุรักษ์หรือพื้นที่ที่อยู่ในความดูแลของทางราชการซึ่งไม่สามารถอนุญาตให้ประชาชนใช้ประโยชน์ได้ตามกฎหมาย ขาดการเข้าถึงการบริการสาธารณะขั้นพื้นฐาน รวมทั้งขาดการมีส่วนร่วมในการตัดสินใจในกิจกรรมหรือกิจการของรัฐหรือเอกชนที่อาจกระทบต่อสิทธิ วิถีชีวิต และชุมชนของกลุ่มชาติพันธุ์ ดังนั้นจึงสมควรให้มีกฎหมายเพื่อส่งเสริมคุ้มครองสิทธิและวิถีชีวิตของกลุ่มชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมืองในประเทศไทย จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้

สาระสำคัญ

ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองสิทธิและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมือง พ.ศ. .... ดังต่อไปนี้

(1) กำหนดบทนิยามคำว่า “กลุ่มชาติพันธุ์” “ชนเผ่าพื้นเมือง” “ชุมชน” “สิทธิชุมชน” “ที่ดินของรัฐ” และ “พื้นที่คุ้มครองวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมือง” (ร่างมาตรา 4)

(2) กำหนดขอบเขตสิทธิของกลุ่มชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมือง โดยการกำหนดให้มีสิทธิทางวัฒนธรรมและการศึกษา สิทธิในที่ดินและทรัพยากรธรรมชาติ สิทธิในการกำหนดตนเอง สิทธิในความเสมอภาคและไม่ถูกเลือกปฏิบัติ สิทธิการมีส่วนร่วม สิทธิในการบริการขั้นพื้นฐานของรัฐ (ร่างมาตรา 6 – ร่างมาตรา 17)

(3) กำหนดให้มีคณะกรรมการคุ้มครองสิทธิและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมือง ทำหน้าที่ในการกำหนดนโยบายการคุ้มครองสิทธิและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมืองให้คำแนะนำแก่คณะรัฐมนตรีในการแก้ไข ปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนการกำกับและติดตามนโยบายและมาตรการต่าง ๆ ที่คณะกรรมการกำหนด เป็นต้น (ร่างมาตรา 18 – ร่างมาตรา 28)

(4) กำหนดให้มีสภากลุ่มชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมืองแห่งชาติ ทำหน้าที่ประสานงานแลกเปลี่ยนความรู้และสร้างความเข้าใจอันดีกลุ่มชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมืองกับสังคม เสนอนโยบายต่อคณะกรรมการ ส่งเสริมและสนับสนุนกลุ่มชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมืองให้มีส่วนร่วมกับหน่วยงานของรัฐเป็นต้น (ร่างมาตรา 29 – ร่างมาตรา 42)

(5) กำหนดให้มีข้อมูลวิถีชีวิตและประวัติศาสตร์กลุ่มชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมืองโดยการกำหนดให้มีคณะกรรมการจัดทำข้อมูลวิถีชีวิตและประวัติศาสตร์กลุ่มชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมือง
(ร่างมาตรา 43 – ร่างมาตรา 45)

(6) กำหนดให้มีพื้นที่คุ้มครองวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมือง โดยการให้คณะกรรมการมีอำนาจกำหนดพื้นที่คุ้มครองได้ ตลอดจนการกำหนดให้มีคณะกรรมการบริหารพื้นที่คุ้มครองวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมืองทำหน้าที่จัดทำธรรมนูญของพื้นที่คุ้มครอง ประเมินผลการดำเนินการตามแผนแม่บท เสนอแนะการปรับปรุงแผนแม่บทต่อคณะกรรมการ เป็นต้น (ร่างมาตรา 46 – ร่างมาตรา 50)

(7) การกำหนดให้มีสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองสิทธิและส่งเสริมวิถีชีวิตข้อมูลวิถีชีวิตและประวัติศาสตร์กลุ่มชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมือง ทำหน้าที่หน่วยงานธุรการของคณะกรรมการ
ตามร่างพระราชบัญญัตินี้ (ร่างมาตรา 51 – ร่างมาตรา 61)

ผู้ที่เกี่ยวข้อง

  1. สำนักนายกรัฐมนตรี
  2. สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
  3. กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
  4. กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
  5. กระทรวงวัฒนธรรม
  6. กระทรวงศึกษาธิการ
  7. กระทรวงยุติธรรม
  8. สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน)
  9. ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)
  10. สถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
  11. มูลนิธิชุมชนไท
  12. มูลนิธิพัฒนาภาคเหนือ

ประเด็นเพื่อรับฟังความคิดเห็น

  1. ท่านเห็นด้วยหรือไม่กับการกำหนดบทนิยามคำว่า “กลุ่มชาติพันธุ์” “ชนเผ่าพื้นเมือง” “ชุมชน” “สิทธิชุมชน” “ที่ดินของรัฐ” และ “พื้นที่คุ้มครองวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมือง”ในร่างมาตรา 4
  2. ท่านเห็นด้วยหรือไม่กับการกำหนดขอบเขตสิทธิของกลุ่มชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมืองโดยการกำหนดให้มีสิทธิทางวัฒนธรรมและการศึกษา สิทธิในที่ดินและทรัพยากรธรรมชาติ สิทธิในการกำหนดตนเอง สิทธิในความเสมอภาคและไม่ถูกเลือกปฏิบัติ สิทธิการมีส่วนร่วม สิทธิในการบริการขั้นพื้นฐานของรัฐ
  3. ท่านเห็นด้วยหรือไม่กับการกำหนดให้มีคณะกรรมการคุ้มครองสิทธิและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมือง ทำหน้าที่ในการกำหนดนโยบายการคุ้มครองสิทธิและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมือง ให้คำแนะนำแก่คณะรัฐมนตรีในการแก้ไข ปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนการกำกับและติดตามนโยบายและมาตรการต่าง ๆ ที่คณะกรรมการกำหนด เป็นต้น
  4. ท่านเห็นด้วยหรือไม่กับการกำหนดให้มีสภากลุ่มชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมืองแห่งชาติทำหน้าที่ประสานงานแลกเปลี่ยนความรู้และสร้างความเข้าใจอันดีกลุ่มชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมืองกับสังคม เสนอนโยบายต่อคณะกรรมการ ส่งเสริมและสนับสนุนกลุ่มชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมืองให้มีส่วนร่วมกับหน่วยงานของรัฐ เป็นต้น
  5. ท่านเห็นด้วยหรือไม่กับการกำหนดให้มีข้อมูลวิถีชีวิตและประวัติศาสตร์กลุ่มชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมือง โดยการกำหนดให้มีคณะกรรมการจัดทำข้อมูลวิถีชีวิตและประวัติศาสตร์กลุ่มชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมือง
  6. ท่านเห็นด้วยหรือไม่กับการกำหนดพื้นที่คุ้มครองวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมืองโดยการให้อำนาจคณะกรรมการมีอำนาจกำหนดพื้นที่คุ้มครองได้ ตลอดจนการกำหนดให้มีคณะกรรมการบริหารพื้นที่คุ้มครองวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมืองทำหน้าที่จัดทำธรรมนูญของพื้นที่คุ้มครอง ประเมินผลการดำเนินการตามแผนแม่บท เสนอแนะการปรับปรุงแผนแม่บทต่อคณะกรรมการ เป็นต้น
  7. ท่านเห็นด้วยหรือไม่กับการกำหนดให้มีสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองสิทธิและส่งเสริมวิถีชีวิตข้อมูลวิถัชีวิตและประวัติศาสตร์กลุ่มชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมือง ทำหน้าที่หน่วยงานธุรการของคณะกรรมการตามร่างพระราชบัญญัตินี้
  8. ท่านมีความคิดเห็นในประเด็นอื่น ๆ เกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัตินี้หรือไม่ อย่างไร