สถานะ : ปิดรับฟังความคิดเห็น
ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมพุทธศาสนิกชนในการอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา พ.ศ. ....
ประเภทร่าง เสนอโดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เป็นร่างการเงิน
เสนอโดย นายนพดล แก้วสุพัฒน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กับคณะ
ข้อมูลประกอบการพิจารณา

ร่างพระราชบัญญัตินี้เป็นการเสนอกฎหมายฉบับใหม่โดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอันเป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 133 (2) เพื่อให้มีกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมพุทธศาสนิกชนในการอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา โดยมีบทบัญญัติทั้งหมด จำนวน 26 มาตราซึ่งเป็นการกำหนดแนวทางที่เป็นมาตรการสนับสนุนและส่งเสริมให้รัฐและพุทธศาสนิกชนร่วมกันอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา กำหนดให้มีองค์กรและหน่วยงานที่ต้องปฏิบัติและรับผิดชอบในการกำกับดูแลและขับเคลื่อนภารกิจต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง กำหนดให้มีการจัดตั้งกองทุนเพื่อการอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริม สนับสนุน อุปถัมภ์ และคุ้มครองการดำเนินกิจกรรมและการดำเนินการใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนา รวมถึงกำหนดมาตรการคุ้มครองและให้ความช่วยเหลือแก่พระภิกษุหรือสามเณรที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดทางอาญา เป็นต้น โดยการเสนอร่างพระราชบัญญัตินี้มิได้มีการกำหนดบทลงโทษซึ่งจะกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคล และเป็นไปอย่างสอดคล้องกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หมวด 6 แนวนโยบายแห่งรัฐ มาตรา 67 ซึ่งบัญญัติว่า “รัฐพึงอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนาและศาสนาอื่น ทั้งนี้ ในการอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนาอันเป็นศาสนาที่ประชาชนชาวไทยส่วนใหญ่นับถือมาช้านาน รัฐพึงส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษาและการเผยแผ่หลักธรรมของพระพุทธศาสนาเถรวาทเพื่อให้เกิดการพัฒนาจิตใจและปัญญา และต้องมีมาตรการและกลไกในการป้องกันมิให้มีการบ่อนทำลายพระพุทธศาสนาไม่ว่าในรูปแบบใด และพึงส่งเสริมให้พุทธศาสนิกชนมีส่วนร่วม ในการดำเนินมาตรการหรือกลไกดังกล่าวด้วย”

อย่างไรก็ตามเนื่องจากบทบัญญัติของร่างพระราชบัญญัตินี้ในมาตรา 24 ได้กำหนดหลักการให้ผู้บริจาคเงินให้แก่กองทุนเพื่อการอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนามีสิทธินำจำนวนเงินที่บริจาคไปหักเป็นค่าลดหย่อนหรือรายจ่ายตามประมวลรัษฎากรได้นั้น ย่อมทำให้รัฐจัดเก็บภาษีได้ลดลงอันจะส่งผลทำให้รัฐได้รับเงินรายได้ลดลง ด้วยเหตุดังกล่าวร่างพระราชบัญญัตินี้จึงมีสาระเกี่ยวข้องกับการจัดสรร รับ รักษา หรือจ่ายเงินแผ่นดิน หรือการโอนงบประมาณรายจ่ายของแผ่นดิน ดังนั้น จึงเข้าลักษณะเป็นร่างพระราชบัญญัติเกี่ยวด้วยการเงินตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 134 (2) จึงต้องเสนอต่อนายกรัฐมนตรีเพื่อให้มีคำรับรองตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 133 วรรคสอง ต่อไป

คลิกเอกสารประกอบ เพื่ออ่านรายละเอียดเพิ่มเติม 

ผู้ที่เกี่ยวข้อง

  1. นายกรัฐมนตร
  2. ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
  3. ปลัดกระทรวงการคลัง
  4. ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ
  5. ปลัดกระทรวงมหาดไทย
  6. ปลัดกระทรวงยุติธรรม
  7. ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม
  8. ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ
  9. อัยการสูงสุด
  10. ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
  11. อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์
  12. นายกสภาทนายความ
  13. ผู้แทนมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย
  14. ผู้แทนมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย
  15. เลขาธิการมหาเถรสมาคม
  16. ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
  17. ผู้ว่าราชการจังหวัด
  18. เจ้าคณะจังหวัดฝ่ายมหานิกาย
  19. เจ้าคณะจังหวัดฝ่ายธรรมยุต
  20. ผู้แทนองค์กรทางพระพุทธศาสนา
  21. ผู้แทนจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
  22. ผู้แทนจากองค์กรภาคเอกชนหรือภาคประชาสังคมที่เกี่ยวข้อง
  23. พุทธศาสนิกชน
  24. ประชาชนที่นับถือศาสนาอื่น หรือมิได้นับถือศาสนาใด
  25. ประชาชนทั่วไป

ประเด็นเพื่อรับฟังความคิดเห็น

  1. ท่านเห็นด้วยกับการให้มีกฎหมายการส่งเสริมพุทธศาสนิกชนในการอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนาตามร่างพระราชบัญญัตินี้ เพื่อให้เป็นไปอย่างสอดคล้องกับบทบัญญัติที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยที่รองรับไว้หรือไม่ อย่างไร
  2. ท่านเห็นด้วยกับการหลักการทั่วไปซึ่งกำหนดให้รัฐและพุทธศาสนิกชนต้องร่วมกันอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา ตามร่างมาตรา 5 หรือไม่ อย่างไร
  3. ท่านเห็นด้วยกับการกำหนดให้มี “คณะกรรมการอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา” ซึ่งมีการกำหนดองค์ประกอบของคณะกรรมการตามร่างมาตรา 6 หรือไม่ อย่างไร
  4. ท่านเห็นด้วยกับการกำหนดให้คณะกรรมการอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนามีอำนาจหน้าที่ตามร่างมาตรา 11 การกำหนดหลักการเกี่ยวกับการประชุมตามร่างมาตรา 12 และการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการหรือคณะทำงาน ตามร่างมาตรา 13 หรือไม่อย่างไร
  5. ท่านเห็นด้วยกับการกำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม วาระการดำรงตำแหน่ง การพ้นจากตำแหน่ง (ตามร่างมาตรา 7 - ร่างมาตรา 10) ของกรรมการอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นกรรมการผู้แทนจากองค์กรทางพระพุทธศาสนาตามร่างมาตรา 6 (4) และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตามร่างมาตรา 6 (5) หรือไม่ อย่างไร
  6. ท่านเห็นด้วยกับการกำหนดให้ “สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ” ทำหน้าที่เป็นหน่วยธุรการและรับผิดชอบงานการประชุมของคณะกรรมการชุดต่าง ๆ ตามตามร่างมาตรา 14 หรือไม่ อย่างไร
  7. ท่านเห็นด้วยกับการกำหนดให้มี “สมัชชาอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนาประจำจังหวัด” ซึ่งมีการกำหนดกระบวนการต่าง ๆ ตามร่างมาตรา 15- ร่างมาตรา 17 และกำหนดอำนาจหน้าที่ของสมัชชาฯ ตามร่างมาตรา 20 หรือไม่ อย่างไร
  8. ท่านเห็นด้วยกับการกำหนดให้มี “คณะกรรมการสมัชชาอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนาประจำจังหวัด” โดยมีการกำหนดองค์ประกอบ และหลักเกณฑ์อื่นที่เกี่ยวข้อง ตามร่างมาตรา 18 หรือไม่ อย่างไร
  9. ท่านเห็นด้วยกับการกำหนดให้มี “กองทุนเพื่อการอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา” โดยมีการกำหนดวัตถุประสงค์ เงินและทรัพย์สินของกองทุน องค์ประกอบและหลักเกณฑ์อื่นที่เกี่ยวข้อง และการนำเงินที่บริจาคเข้ากองทุนมาหักเป็นค่าลดหย่อนภาษี ตามร่างมาตรา 22 - ร่างมาตรา 24 หรือไม่ อย่างไร
  10. ท่านเห็นด้วยกับการกำหนดให้พระภิกษุหรือสามเณรได้รับความคุ้มครองและความช่วยเหลือในกรณีที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดทางอาญา ตามร่างมาตรา 25 - ร่างมาตรา 26 หรือไม่ อย่างไร
  11. ท่านมีความเห็นอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับร่างพระราชบัญญัตินี้หรือไม่ อย่างไร