เอกสารวิชาการ ฉบับที่ 4/2568 ภาวะเศรษฐกิจมหภาค แนวโน้มทางการคลัง และปัจจัยทางเศรษฐกิจการคลัง

Share :

ภาวะเศรษฐกิจไทยในปี 2567 ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อน ทั้งจากภาคเกษตรกรรม ภาคอุตสาหกรรม และภาคบริการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแรงขับเคลื่อนกิจกรรมในภาคบริการและรายรับจากการท่องเที่ยวที่ขยายตัว 5 แสนล้านบาทจากปีก่อน ในส่วนปัจจัยสนับสนุนของการขยายตัวเศรษฐกิจภาพรวม มีดังนี้

  1. การอุปโภคบริโภคเอกชนปรับตัวดีขึ้น และผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นต่อภาวะเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น
  2. การลงทุนภาคเอกชนปรับตัวดีขึ้น ในขณะที่นักลงทุนมีความเชื่อมั่นลดลงโดยได้รับแรงกดดันจากอุตสาหกรรมยานยนต์และการก่อสร้าง
  3. ผลผลิตในภาคเศรษฐกิจต่าง ๆ ลดลงจากปีก่อน ส่งผลให้อัตราการใช้กำลังการผลิตปรับลดลง ตามการผลิตเพื่อส่งออกสินค้าไปยังประเทศคู่ค้า รวมถึงแรงกดดันจากต้นทุนค่าจ้างแรงงานที่เพิ่มสูงขึ้น
  4. ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลและการส่งออกปรับตัวดีขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าสำคัญของไทย
  5. เสถียรภาพเงินสำรองระหว่างประเทศมีแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
  6. ค่าเงินบาทเมื่อเทียบกับประเทศคู่ค้าคู่แข่งมีแนวโน้มแข็งค่ามากขึ้นตั้งแต่ช่วงกลางปี 2567 ซึ่งกระทบต่อผลประโยชน์ด้านราคาของภาคการส่งออก
  7. อัตราเงินเฟ้อทั่วไปปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.4 ซึ่งชะลอตัวลงจากปีก่อนหน้าตามมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพภาครัฐ
  8. อัตราการว่างงานอยู่ในระดับต่ำโดยอยู่ที่ร้อยละ 0.9
  9. หนี้สินครัวเรือนปรับตัวลดลงจากปีก่อน โดยเฉพาะหนี้สินครัวเรือนเพื่อซื้อหรือเช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ส่วนหนึ่งเป็นผลจากความเข้มงวดของสถาบันการเงินในการปล่อยสินเชื่อ
  10. อัตราดอกเบี้ยนโยบาย ณ เดือนกุมภาพันธ์ 2568 ได้ปรับลดลงจากร้อยละ 2.25 เป็นร้อยละ 2.00 ซึ่งจะเป็นผลดีในการลดต้นทุนทางการเงิน บรรเทาภาระหนี้ และส่งเสริมการกระตุ้นภาคเศรษฐกิจต่าง ๆ
  11. สัมประสิทธิ์ความไม่เสมอภาคทั้งรายได้และรายจ่ายลดลงสะท้อนถึงความเท่าเทียมที่ดีขึ้นของด้านรายได้และรายจ่ายของประชาชน
  12. ความสามารถในการแข่งขัน (IMD) ประเทศไทยได้รับการจัดอันดับที่สูงขึ้นจากอันดับที่ 30 เป็นอันดับที่ 25 ในปี 2567 ซึ่งประเมินจากปัจจัยหลักเชิงโครงสร้างทางเศรษฐกิจของแต่ละประเทศ

ในส่วนแนวโน้มทางการคลัง ได้นำเสนอเนื้อหาประกอบด้วย 3 ประเด็นที่สำคัญ ได้แก่

  1. การจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลมีแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับสัดส่วนรายได้ต่อ GDP มีสัดส่วนที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วยเช่นกัน สะท้อนถึงการจัดเก็บรายได้ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจ
  2. ฐานะทางการคลังตามระบบกระแสเงินสดของรัฐบาล โดยรัฐบาลได้รักษาเสถียรภาพเงินคงคลังปลายปีในระดับที่มากกว่า 500,000 ล้านบาทในแต่ละปีงบประมาณ อย่างไรก็ตาม พบว่าฐานะทางการคลังฯ มีรายจ่ายสูงกว่ารายได้ทุกปีอย่างต่อเนื่อง ดุลเงินนอกงบประมาณมีความผันผวนสูง และการพึ่งพาการกู้เงินที่สูงในแต่ละปีงบประมาณเพื่อรักษาฐานะทางการคลังฯ
  3. หนี้สาธารณะ มีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยสถานะเดือนมกราคม 2568 มีปริมาณหนี้สาธารณะ 11.9 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 64.13 ของ GDP ซึ่งใกล้เคียงกับกรอบวินัยการเงินการคลังที่กำหนดไว้ที่ร้อยละ 70 ของ GDP

คณะผู้จัดทำได้ดำเนินการศึกษาและวิเคราะห์ปัจจัยทางเศรษฐกิจการคลังที่จะส่งผลกระทบต่อแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยในระยะต่อไป มีดังนี้

  1. สถานการณ์เศรษฐกิจระหว่างประเทศ
  2. นโยบาย Trump 2.0 ต่อเศรษฐกิจโลก
  3. สถานการณ์ภูมิเศรษฐศาสตร์และภูมิรัฐศาสตร์
  4. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
  5. เศรษฐกิจการค้าไทย – จีน
  6. สถานการณ์ธุรกิจและอุตสาหกรรมไทย
  7. แนวโน้มธุรกิจภาคอสังหาริมทรัพย์
  8. แนวโน้มการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ

จำนวนดาวน์โหลด: 26 ครั้ง