สส.พรรคประชาชน แถลงข่าวเรียกร้องให้มีการตรวจสอบแนวเขตใหม่ กรณีชาวบ้านกลุ่มชาติพันธุ์ไทดำ จ.สุราษฎร์ธานี ถูกไล่ออกจากชุมชนดั้งเดิม
3 เมษายน 2568
วันพฤหัสบดีที่ 3 เมษายน 2568 เวลา 13.00 นาฬิกา ณ ห้องแถลงข่าว ชั้น 1 อาคารรัฐสภา สส.พรรคประชาชน ประกอบด้วย นายประเสริฐพงศ์ ศรนุวัตร์ นายมานพ คีรีภูวดล นายคำพอง เทพาคำ และนายเลาฟั้ง บัณฑิตเทอดสกุล แถลงข่าวกรณีชาวบ้านกลุ่มชาติพันธุ์ไทดำ อ.บ้านนาเดิม จ.สุราษฎร์ธานี ถูกไล่ออกจากที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกินดั้งเดิม โดยกลุ่มชาติพันธุ์ไทดำยืนยันว่าได้อยู่อาศัยบุกเบิกในพื้นที่นี้มานาน ไม่ได้เป็นผู้บุกรุก แม้จะมีคำสั่งศาลออกมาแล้วก็ตาม แต่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนได้เคยมีหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ให้ชะลอเรื่อง รวมทั้งต้องมีการพิสูจน์สิทธิในที่ดิน ซึ่งกลุ่มชาติพันธุ์ไทดำยืนยันว่าหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวงหรือ น.ส.ล. ได้ประกาศทับที่ชาวบ้านและประกาศผิดแปลง และเมื่อกลุ่มชาติพันธุ์ไทดำต้องการพูดคุยและยื่นหนังสือถึงนายอำเภอก็ไม่สามารถทำได้ อีกทั้งยังไม่ยอมให้กลุ่มชาติพันธุ์ไทดำที่ไปรวมตัวกัน ณ บริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอ ได้เข้าไปใช้ห้องน้ำด้วย โดยกลุ่มชาติพันธุ์ไทดำมีข้อยืนยันหลายประการ รวมทั้งรัฐบาลได้เคยมีมติคณะรัฐมนตรีเมื่อปี 2566 ว่าให้มีการตรวจสอบแก้ไขปัญหา จึงต้องการให้มีการทบทวนเรื่องเนื่องจากยังต้องมีการพิสูจน์เรื่องเอกสารสิทธิกันอีกมาก
ทั้งนี้ กรณีปัญหาที่ทับซ้อนกับเขตที่ดินสาธารณประโยชน์ประเภททุ่งเลี้ยงสัตว์ ซึ่งชุมชนไทดำเป็นชุมชนที่อยู่มานานตั้งแต่ปี 2500 แต่ถูกรังวัด และแจ้งว่าทับซ้อนที่สาธารณประโยชน์ มีผู้เดือดร้อน 77 ครอบครัว พื้นที่ 1,400 ไร่ ชาวบ้านกลุ่มนี้ได้มีการโต้แย้งว่า แท้จริงแล้วที่สาธารณประโยชน์จะอยู่อีกแปลงหนึ่ง แต่เมื่อรังวัดออกหนังสือ น.ส.ล. มาทับที่ของชาวบ้าน สิ่งที่ชาวบ้านเรียกร้องคือ ขอให้ดำเนินการรังวัดและตรวจสอบแนวเขตใหม่ หากเป็นที่ดินที่ไปทับซ้อนกับที่ของชาวบ้านก็ให้เพิกถอนและดำเนินการใหม่ให้ถูกต้อง อย่างไรก็ตาม ข้อเรียกร้องของชาวบ้านซึ่งเรียกร้องมาตั้งแต่ปี 2562 ไม่ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานรัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอำเภอและเทศบาล นอกจากนี้ ยังเคยมีมติของคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาที่สาธารณประโยชน์และที่ดินของเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาในกรณีนี้แล้ว และมีการนัดเพื่อดำเนินการรังวัดเพื่อตรวจสอบแนวเขต 2 ครั้ง แต่ทั้ง 2 ครั้ง ไม่ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานรัฐทำให้ไม่สามารถดำเนินการรังวัดจริงได้ จึงทำให้ไม่มีการแก้ไขปัญหาแนวเขตซึ่งเป็นประเด็นข้อพิพาท จนมาถึงวันนี้ทางอำเภอได้ออกหนังสือแจ้งให้ชาวบ้านย้ายและรื้อถอนออกจากพื้นที่ ทำให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนเสียหาย และไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงขอเสนอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานีดำเนินการตามมติที่เคยมีมาแล้ว คือสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการรังวัดตรวจสอบแนวเขตที่ทับซ้อนว่าตรงตามหนังสือประกาศให้เป็นที่สาธารณประโยชน์จริงหรือไม่ ซึ่งต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วนเพราะขณะนี้มีข้อโต้แย้งอยู่และชาวบ้านเดือดร้อน รวมทั้งขอให้ชะลอการบังคับชาวบ้านให้ออกจากพื้นที่เพราะมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2567 กำหนดว่า ในระหว่างนี้ให้คุ้มครองชาวบ้านก่อนจนกว่าผลการตรวจสอบจะออกมาเป็นที่ยุติ หากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ดำเนินการ ท้ายที่สุดหากปรากฏว่าแนวเขตตามหนังสือ น.ส.ล. ไม่ตรงตามเอกสารที่มีการประกาศไว้ตั้งแต่ปี 2475 จริง อาจทำให้หน่วยงานที่ใช้อำนาจนี้มีความผิดตามกฎหมายด้วย และขอฝากว่าในจังหวัดภาคใต้มีที่สาธารณประโยชน์ที่ถูกประกาศไว้ตั้งแต่ก่อนปี 2500 ทับซ้อนกับที่ดินของประชาชนจำนวนหลายแสนไร่ ซึ่งหน่วยงานภาครัฐจำเป็นต้องดำเนินการตรวจสอบและจัดการเรื่องแนวเขตให้มีความชัดเจน ในกรณีที่ทับซ้อนกับที่ชาวบ้านและชาวบ้านอยู่มาก่อนต้องดำเนินการมอบเอกสารสิทธิให้กับชาวบ้าน ส่วนกรณีที่ชาวบ้านมาบุกรุกที่หลังจากนั้นก็ต้องมีการจัดการตามกฎหมาย