สส.จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พรรคประชาชน และประชาชนในพื้นที่ อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา แถลงข่าวแสดงความผิดหวังต่อคำตอบของรัฐบาลในประเด็นปัญหาผลกระทบจากท่าเทียบเรือริมแม่น้ำป่าสัก
13 มีนาคม 2568
วันพฤหัสบดีที่ 13 มีนาคม 2568 เวลา 15.00 นาฬิกา ณ ห้องแถลงข่าว ชั้น 1 อาคารรัฐสภา นายชริน วงศ์พันธ์เที่ยง พร้อมด้วย นายทวิวงศ์ โตทวิวงศ์ สส.จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พรรคประชาชน และตัวแทนประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการสร้างท่าเทียบเรือริมแม่น้ำป่าสัก แถลงข่าวแสดงความผิดหวังต่อการตอบกระทู้ถามของ รมช.คมนาคม ในประเด็นปัญหาท่าเทียบเรือและคลังสินค้าริมแม่น้ำป่าสัก ในพื้นที่อำเภอนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ตามที่ได้ยื่นกระทู้ถามทั่วไปต่อท่านนายกรัฐมนตรี เรื่อง ปัญหาท่าเทียบเรือริมแม่น้ำป่าสัก อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา และนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม มาตอบกระทู้ถามแทน จึงขอใช้โอกาสนี้ชี้แจงประเด็นปัญหาดังกล่าว เนื่องจากปัจจุบันประชาชนที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำป่าสัก อ.นครหลวง และอ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหามลภาวะและสภาพแวดล้อม เพราะแม่น้ำได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เนื่องจากรัฐบาลได้อนุญาตให้มีการสร้างท่าเทียบเรือขนาดใหญ่ และคลังเก็บสินค้าประเภทถ่านหิน ปูนซิเมนต์ ปุ๋ย แป้งมันสำปะหลัง และพืชผลการเกษตรอื่น ๆ ที่ก่อให้เกิดปัญหา และผลกระทบต่อการดำรงชีวิต ตลอดจนคุณภาพชีวิตของประชาชนที่อยู่อาศัยในบริเวณดังกล่าวเป็นระยะเวลายาวนานกว่า 20 ปี ไม่ว่าจะเป็นปัญหาฝุ่นละออง ปัญหามลพิษจากเสียง ปัญหาตลิ่งทรุดพัง ปัญหารถบรรทุกขนถ่ายสินค้า ปัญหาความเจ็บป่วยของประชาชน ปัญหาทางสาธารณะ ปัญหาการรุกล้ำแม่น้ำ ปัญหาการเดินเรือ และปัญหาอื่น ๆ อีกมากมาย ประชาชนในพื้นที่จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่ารัฐบาลจะเข้ามาแก้ไขปัญหา แต่ในวันนี้ได้ฟังคำตอบจาก รมช.คมนาคมแล้ว รู้สึกผิดหวังแทนพี่น้องประชาชนชาวนครหลวงและท่าเรือเป็นอย่างยิ่ง รัฐบาลไม่ตระหนัก หรือรับรู้ความเดือดร้อน ความเจ็บปวดของประชาชนตลอดระยะเวลา 20 ปี แม้ว่าปัญหาที่เกิดขึ้นจะเกิดจากการทำธุรกิจของรัฐบาลหลายชุดที่ผ่านมา ที่อนุญาตให้ผู้ประกอบการสร้างท่าเทียบเรือโดยไม่มีการศึกษาและวิจัยถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อพื้นที่และประชาชนที่อาศัยในบริเวณดังกล่าว ทั้งนี้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่ารัฐบาล นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร จะสามารถแก้ปัญหาอย่างจริงจัง และกำชับให้เจ้าหน้าที่ภาครัฐบังคับใช้กฎหมายอย่างตรงไปตรงมา เพื่อไม่ให้ปัญหาเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อไปยังลูกหลานในอนาคต