สถานะ : เปิดรับฟังความคิดเห็น
ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
ประเภทร่าง เสนอโดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เป็นร่างการเงิน
เสนอโดย นายเซีย จำปาทอง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กับคณะ
ข้อมูลประกอบการพิจารณา

                    โดยที่พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ที่ใช้บังคับในปัจจุบัน มีบทบัญญัติบางประการไม่เหมาะสมกับสภาพการณ์ในปัจจุบัน ประกอบกับสถานการณ์ในปัจจุบันที่ผู้ใช้แรงงานมากกว่าสามสิบล้านคนในตลาดแรงงานไทยมีปัญหาความมั่นคงทางเศรษฐกิจอย่างปรากฏชัด ในการนี้ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนผู้ใช้แรงงานโดยรวมให้มีความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ส่งเสริมการคุ้มครอง ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เพิ่มอำนาจต่อรอง และเพิ่มเวลาเรียนรู้เพื่อพัฒนาตนเองของผู้ใช้แรงงาน ซึ่งสอดรับกับการพัฒนาสู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์ สมควรแก้ไขบทนิยามคําว่า “นายจ้าง” และ “วันลา” และเพิ่มเติมบทนิยาม คําว่า “การจ้างงานรายเดือน” กําหนดให้นายจ้างจะต้องจ้างงานเป็นรายเดือนทั้งหมด โดยไม่เลือกปฏิบัติ อีกทั้ง แก้ไขข้อกําหนดเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การพิจารณาการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้

สาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 ดังต่อไปนี้
1. กําหนดให้ยกเลิกความในมาตรา 4 และกําหนดให้ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงานใช้บังคับกับราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐ
2. กําหนดให้ยกเลิกบทนิยามคําว่า “นายจ้าง” “วันลา” เพื่อขยายขอบเขตของบทนิยามให้มีความครอบคลุมมากขึ้น โดย “นายจ้าง” ให้หมายความครอบคลุมถึงการจ้างงานด้วยสัญญาต่าง ๆ เพื่อให้อีกบุคคลได้รับค่าตอบแทน และรวมถึงผู้ประกอบกิจการหรือภาครัฐ ที่มอบหมายให้บุคคลหนึ่งบุคคลใด เป็นผู้จัดหาคนมาทํางานอันมิใช่การประกอบธุรกิจจัดหางาน และ “วันลา” ครอบคลุมถึงการลาเพื่อการอื่นใด ที่ปรากฏในพระราชบัญญัติฉบับนี้ (ร่างมาตรา 4 และร่างมาตรา 5)
3. กําหนดให้เพิ่มบทนิยามคําว่า “การจ้างงานรายเดือน” เป็นการจ้างงานที่มีลักษณะ เป็นงานประจําและเต็มเวลา โดยลูกจ้างได้รับค่าจ้างเป็นรายเดือน อันรวมถึงค่าจ้างในวันหยุดประจําสัปดาห์ วันหยุดตามประเพณี วันหยุดพักผ่อนประจําปี และวันลาป่วยตามที่กฎหมายกําหนด ทั้งนี้ หนึ่งเดือนหมายถึง เวลาสามสิบวัน และเพิ่มบทนิยามคําว่า “หน่วยงานของรัฐ” หมายความว่า กระทรวง ทบวง กรม หรือส่วน ราชการที่มีชื่อเรียกอย่างอื่นและในฐานะเป็นกรม ส่วนราชการสังกัดรัฐสภา ศาล และหน่วยงานอื่นของรัฐ โดยไม่รวมถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและรัฐวิสาหกิจ และคําว่า “หน่วยงานในกํากับดูแลของรัฐ” หมายความว่า หน่วยงานอื่นของรัฐซึ่งมิใช่ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ (ร่างมาตรา 5 และร่างมาตรา 7)
4. กําหนดให้การจ้างงานในสถานประกอบการ ให้ลูกจ้างได้รับค่าจ้างเป็นรายเดือน ทั้งหมดโดยไม่เลือกปฏิบัติ เว้นแต่ลักษณะการจ้างงานที่มีความเฉพาะซึ่งไม่ใช่ธุรกิจหลักของนายจ้าง ให้ใช้ระบบสัญญาจ้างแบบกําหนดระยะเวลาโดยรับรองรายรับไม่ต่ำกว่าค่าจ้างขั้นต่ำและให้ได้รับสวัสดิการเท่ากับ พนักงานระบบอื่นของนายจ้าง โดยผู้ทํางานเป็นรายวัน หรือ รายชิ้น ต้องมีสัญญาจ้างงาน เมื่อคิดหน่วยทํางาน ต้องได้รับผลตอบแทนไม่ต่ำกว่าพนักงานรายเดือน อย่างน้อยหนึ่งฉบับ (ร่างมาตรา 9)
5. กําหนดให้คณะกรรมการค่าจ้างต้องปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเพิ่มทุกปีในอัตราไม่น้อยกว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ประกาศโดยสํานักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรืออัตราเงินเฟ้อตามประกาศของกระทรวงพาณิชย์ ตามแต่ว่าอัตราใดมากกว่า ในกรณีที่คณะรัฐมนตรีเห็นว่า เกิดสภาวการณ์อันเป็นวิกฤตทางเศรษฐกิจของประเทศ คณะรัฐมนตรีอาจมีมติเพื่อยกเว้นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำที่กําหนดในปีนั้นได้ และให้กําหนดอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือแรงงานและค่าจ้างตามประสบการณ์ให้คณะกรรมการค่าจ้างกําหนดให้ค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือแรงงาน เพิ่มไม่น้อยกว่าร้อยละหนึ่งต่ออายุงานหนึ่งปี ของอัตราค่าจ้างขั้นต่ำที่ประกาศในปีนั้น ๆ ในกรณีที่ลูกจ้างรับค่าจ้างในอัตรามากกว่าค่าจ้างขั้นต่ำ ให้ลูกจ้าง ได้รับค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือแรงงานเพิ่มไม่น้อยกว่าร้อยละหนึ่งต่ออายุงานหนึ่งปี โดยคํานวณจากอัตรา ค่าจ้างขั้นต่ำที่ประกาศในปีนั้น ๆ และเพิ่มให้สามารถปรับเพิ่มร้อยละการเพิ่มของค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ แรงงานและค่าจ้างตามประสบการณ์ต่ออายุงานหนึ่งปี วิธีการคํานวณค่าจ้าง และอัตราค่าจ้างสูงสุดที่ไม่ต้อง ปรับขึ้นตามความในวรรคห้า ผ่านการแก้ไขกฎกระทรวงได้ (ร่างมาตรา 10)
6. กําหนดให้เพิ่มบทกําหนดโทษในกรณีที่นายจ้างทําสัญญาในลักษณะอื่นใดกับลูกจ้างโดยมีเจตนาเพื่ออําพรางสัญญาจ้างแรงงาน (ร่างมาตรา 11)

ตารางเปรียบเทียบร่างแก้ไขเพิ่มเติม (ดาวน์โหลดเอกสารประกอบ)
 

ผู้ที่เกี่ยวข้อง


1. ผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรง
-กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน

2. ผู้ที่เกี่ยวข้องโดยอ้อม
1. กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน
2. สำนักนายกรัฐมนตรี
3. กระทรวงกลาโหม
4. กระทรวงการคลัง
5. กระทรวงการต่างประเทศ
6. กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
7. กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
8. กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
9. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
10. กระทรวงคมนาคม
11. กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
12. กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
13. กระทรวงพลังงาน
14. กระทรวงพาณิชย์
15. กระทรวงมหาดไทย
16. กระทรวงยุติธรรม
17. กระทรวงวัฒนธรรม
18. กระทรวงศึกษาธิการ
19. กระทรวงสาธารณสุข
20. กระทรวงอุตสาหกรรม

ศาล
1. สำนักงานศาลยุติธรรม
2. สำนักงานศาลปกครอง
3. สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ


อัยการ
สำนักงานอัยการสูงสุด


องค์กรอิสระ
1. สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง
2. สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน
3. สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
4. สำนักงานคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน
5. สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ

หน่วยงานอื่น
1. สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
2. สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา

รัฐวิสาหกิจ
1. สถาบันการบินพลเรือน
2. การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
3. การไฟฟ้านครหลวง
4. การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
5. การรถไฟแห่งประเทศไทย
6. การท่าเรือแห่งประเทศไทย
7. การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย
8. การประปานครหลวง
9. การประปาส่วนภูมิภาค
10. องค์การจัดการน้ำเสีย
11. การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
12. สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล
13. การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
14. สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย
15. องค์การเภสัชกรรม
16. องค์การสะพานปลา
17. การกีฬาแห่งประเทศไทย
18. ธนาคารออมสิน
19. ธนาคารอาคารสงเคราะห์
20. ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
21. ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย
22. ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย
23. บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม
24. การเคหะแห่งชาติ
25. การทางพิเศษแห่งประเทศไทย
26. องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ
27. องค์การสวนพฤกษศาสตร์
28. องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้
29. องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร
30. องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย
31. องค์การตลาด
32. องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์
33. องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ
34. บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
55. บริษัท ขนส่ง จำกัด
36. บริษัท อู่กรุงเทพ จำกัด
37. บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)
38. บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด
39. บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด
40. บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน)
41. บริษัท สหโรงแรมไทยและการท่องเที่ยว จำกัด
42. บริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด
43. องค์การสุรา
44. โรงงานไพ่
45. โรงพิมพ์ตำรวจ
46. สำนักงานธนานุเคราะห์
47. ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย
48. องค์การคลังสินค้า
49. บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด
50. การยางแห่งประเทศไทย
51. การยาสูบแห่งประเทศไทย
52. บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน)
53. สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย
54. สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
55. สภาองค์การลูกจ้างพัฒนาแรงงานแห่งประเทศไทย
56. สภาองค์การนายจ้างแห่งประเทศไทย
57. มูลนิธิเพื่อการพัฒนาแรงงานและอาชีพ


3. ผู้ที่เกี่ยวข้องทั่วไป
- ประชาชน
 

ประเด็นเพื่อรับฟังความคิดเห็น

1. ท่านเห็นด้วยหรือไม่ ที่การกำหนดให้ร่างพระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับกับราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานของรัฐ  และหน่วยงานในกำกับของรัฐ ในกรณีที่หน่วยงานข้างต้นได้มีกฎหมายใช้บังคับแล้วให้ใช้กฎหมายนั้น แต่หากมีบทบัญญัติใดกำหนดสิทธิประโยชน์ของผู้ปฏิบัติงาน แรงงาน ข้าราชการ พนักงานราชการ และลูกจ้าง ที่ต่ำกว่าที่ได้กำหนดในพระราชบัญญัตินี้ให้ได้รับสิทธิประโยชน์ตามร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้แทน
2. ท่านเห็นด้วยหรือไม่ อย่างไร กับการเพิ่มบทนิยามคําว่า “หน่วยงานของรัฐ” คือ กระทรวง ทบวง กรม หรือส่วนราชการที่มีชื่อเรียกอย่างอื่นและในฐานะเป็นกรม ส่วนราชการสังกัดรัฐสภา ศาล และหน่วยงานอื่นของรัฐ โดยไม่รวมถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและรัฐวิสาหกิจและคําว่า “หน่วยงานในกํากับดูแลของรัฐ” หมายความว่าหน่วยงานอื่นของรัฐ ซึ่งมิใช่ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ 
3. ท่านเห็นด้วยหรือไม่ กับการแก้ไขเพิ่มเติมบทนิยามคำว่า “นายจ้าง” และ “วันลา” ให้มีความครอบคลุมมากยิ่งขึ้น อาทิ การจ้างงานในสัญญาต่าง ๆ การมอบหมายให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดเป็นผู้จัดหาคนมาทำงานอันมิใช่การประกอบธุรกิจจัดหางาน และ “วันลา” ให้ครอบคลุมถึงการลาเพื่อการอื่นใดที่ปรากฏในร่างพระราชบัญญัตินี้
4. ท่านเห็นด้วยหรือไม่ อย่างไร กับกําหนดให้เพิ่มบทนิยามคําว่า “การจ้างงานรายเดือน” เป็นการจ้างงานที่มีลักษณะเป็นงานประจําและเต็มเวลา โดยลูกจ้างได้รับค่าจ้างเป็นรายเดือน อันรวมถึงค่าจ้างในวันหยุดประจําสัปดาห์ วันหยุดตามประเพณี วันหยุดพักผ่อนประจําปี และวันลาป่วยตามที่กฎหมายกําหนด ทั้งนี้ หนึ่งเดือนหมายถึงเวลาสามสิบวัน
5. ท่านเห็นด้วยหรือไม่ อย่างไร กับการกําหนดให้การจ้างงานในสถานประกอบการให้ลูกจ้างได้รับค่าจ้างเป็นรายเดือนทั้งหมดโดยไม่เลือกปฏิบัติ ยกเว้นลักษณะการจ้างงานที่มีความเฉพาะซึ่งไม่ใช่ธุรกิจหลักของนายจ้าง ให้ใช้สัญญาจ้างแบบกําหนดระยะเวลา โดยจ่ายค่าจ้างไม่น้อยกว่าค่าจ้างขั้นต่ำและให้ได้รับสวัสดิการเท่ากับลูกจ้างรายเดือน โดยผู้ทํางานเป็นรายวันหรือรายชิ้น ต้องมีสัญญาจ้างงาน เมื่อคิดหน่วยทํางาน และต้องได้รับผลตอบแทนไม่ต่ำกว่าพนักงานรายเดือน อย่างน้อย 1 ฉบับ
6. ท่านเห็นด้วยหรือไม่ อย่างไร กับการกําหนดให้คณะกรรมการค่าจ้างต้องปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเพิ่มทุกปีในอัตราไม่น้อยกว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ประกาศโดยสํานักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติหรืออัตราเงินเฟ้อตามประกาศของกระทรวงพาณิชย์ ตามแต่ว่าอัตราใดมากกว่า และในกรณีที่คณะรัฐมนตรีเห็นว่าเกิดสภาวการณ์อันเป็นวิกฤตทางเศรษฐกิจของประเทศ คณะรัฐมนตรีอาจมีมติเพื่อยกเว้นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำที่กําหนดในปีนั้นได้ 
7. ท่านเห็นด้วยหรือไม่ อย่างไร กับกําหนดอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือแรงงานและค่าจ้างตามประสบการณ์ให้คณะกรรมการค่าจ้างกําหนดให้ค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือแรงงาน เพิ่มไม่น้อยกว่าร้อยละหนึ่งต่ออายุงานหนึ่งปีของอัตราค่าจ้างขั้นต่ำที่ประกาศในปีนั้น ๆ ในกรณีที่ลูกจ้างรับค่าจ้างในอัตรามากกว่าค่าจ้างขั้นต่ำ ให้ลูกจ้างได้รับค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือแรงงานเพิ่มไม่น้อยกว่าร้อยละหนึ่ง ต่ออายุงานหนึ่งปี โดยคํานวณจากอัตราค่าจ้างขั้นต่ำที่ประกาศในปีนั้น ๆ และให้สามารถปรับเพิ่มร้อยละการเพิ่มของค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือ แรงงานและค่าจ้างตามประสบการณ์ต่ออายุงานหนึ่งปี วิธีการคํานวณค่าจ้างให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
8. ท่านเห็นว่ากฎหมายคุ้มครองแรงงานที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบัน มีปัญหาอย่างไรบ้าง และเมื่อมีการแก้ไขเพิ่มเติมตามร่างกฎหมายฉบับนี้แล้ว จะสามารถแก้ไขปัญหาที่มีอยู่ได้หรือไม่ เพียงใด
9. ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะอื่น ๆ (ถ้ามี)